Tag Archives: สวรรค์

สวรรค์ : ชัยชนะของความบริสุทธิ์

♥ “ในบรรดาคนที่ล้มลงก็มีคนที่รักเรามาก และติดตามเราเป็นอย่างดีด้วย แต่เมื่อถึงวันหนึ่งเขาก็หันหนีไปจากเรา แล้วเจ้าหละ” พระเยซูตรัสถามข้าพเจ้า   ในขณะนั้นเองนกพิราบสีขาวนวลเหลือเกินแบบไร้ที่ติ ก็ปรากฏตรงหน้า พระเยซูตรัสว่า “ลูกเอ๋ยจงเรียนรู้จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ของเรา เราจะสอนถึงวิถีแห่งชัยชนะแก่เจ้า” ข้าพเจ้าลืมตามองและจ้องไปที่นกพิราบสีขาวนวลที่กระพือปีกเบาๆ อย่างนุ่มนวลนิ่งอยู่ในระดับสายตา เผชิญหน้ากันระหว่างข้าพเจ้ากับนกพิราบขาว ดวงตาประสานกัน ข้าพเจ้าจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีแดงก่ำของนกพิราบเหมือนถูกสะกดไว้ให้หยุดนิ่งอยู่ที่นกพิราบตัวนี้ พระเยซู : “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดนกพิราบ(พระวิญญาณบริสุทธิ์) จึงมีชัยชนะเหนืองู(มารซาตาน)?” ข้าพเจ้าพยายามครุ่นคิด แต่ก็คิดไม่ออกเลย นกพิราบจะชนะงูได้อย่างไร ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเชื่อเช่นนั้นมาตลอดด้วยความรู้ที่เคยได้ยินมาและเพราะว่าพระคัมภีร์กล่าวเช่นนั้น   มธ.10:16 ดูเถิด เราใช้พวกท่านไปดุจแกะอยู่ท่ามกลางฝูงสุนัขป่า เหตุฉะนั้นท่านจงฉลาดเหมือนงู และไม่มีภัยเหมือนนกเขา พระเยซู : “เพราะงูอยู่ติดดินต่ำสุด แต่นกพิราบบินสูงสู่ท้องฟ้า  มันจะไม่เอาตัวเองลงไป” ในขณะนั้นเองภาพของงูจำนวนมากที่ชูคอขึ้นสูงสู่อากาศทำให้มันตายเหมือนถูกแขวน พระเยซู : “เราจะแบ่งชั้นของความชั่วกับความบริสุทธิ์ ระหว่างความบาปกับความบริสุทธิ์ เราจะแบ่งชั้นออก แยกมันออกอย่างชัดเจน … ความบริสุทธิ์ไม่มีวันพ่ายแพ้ เพราะพระบิดาได้ตั้งไว้แล้ว  *** นี่แหนะ!!!ทรงตั้งไว้แล้ว…ใครหรือจะเปลี่ยนได้” ในขณะนั้นเองข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์ 2 ตนที่คุ้นเคยเป็นอย่างดียืนขนาบซ้ายขวา คือ เครูบ และเสราฟิม เมื่อข้าพเจ้าลุกขึ้นก้าวเท้าออกไป… Read More »

สวรรค์ : สวนเอเดน

ข้าพเจ้าใส่ชุดขาวผ้าโปร่งยาวลากพื้นนั่งอยู่บนรถเข็น โดยมีพระเยซูเป็นผู้เข็นอยู่รถนั้นอยู่ด้านหลัง แต่ขาและเท้าของข้าพเจ้าไม่ได้เป็นอะไรเลย พระพักตร์ของพระเยซูยิ้มด้วยความอบอุ่น สายตาเต็มไปด้วยความเมตตาเปี่ยมไปด้วยความสงบสุข พระเยซูทรงเข็นรถให้กับข้าพเจ้า ส่วนข้าพเจ้าก็หันมองดูรอบๆ ทรงพาเข้ามาท่ามกลางไม้ดอก ไม้ผลนาๆ ชนิด เหล่าผีเสื้อหลากสี บินว่อนล้อมหน้าล้อมหลัง ข้าพเจ้าเพลิดเพลินและสนุกสนานกับการที่ผีเสื้อบินมาตอมและให้จับสัมผัสกับตัวมัน สีของมันช่างสดจนกระทั่งรู้สึกได้เลยว่ามันดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก เห็นถึงลวดลายของผีเสื้อได้อย่างชัดเจน กลิ่นหอมของดอกไม้อบอวนเต็มไปหมดทั่วพื้นที่  ได้ยินเสียงน้ำไหลเอื่อยๆ และสารพัดสิ่งมีชีวิตกำลังรื่นเริง เสมือนจะประชันเสียงกัน แต่ก็กลับประสานเสียงเป็นบทเพลงที่ไพเราะก้องกังวานและมีชีวิตชีวาอย่างลงตัว พาให้อดยิ้มร่าไปด้วยความตื่นเต้นกับสิ่งรอบกายไม่ได้ …. ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับความงดงาม ความสวยงาม ตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หัวเราะไป ชวนพระเยซูดูไป แต่พระองค์ก็ทรงยิ้มพรางกับเข็นรถไปเรื่อยๆ ยิ่งเข็นไปไกลมากเท่าไร สังเกตที่ชายกระโปรงก็ยิ่งยาวออกไปเรื่อยๆ พลิ้วไปกับสายลม แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเข็นรถนั้นของพระเยซูเลยสักนิด เมื่อข้าพเจ้าเหลือบหันไปมองแล้วก็รู้สึกแอบปลาบปลื้มใจเสมือนว่าพิเศษสุดๆ สำหรับหญิงสาว สักครู่หนึ่งข้าพเจ้าสังเกตุเห็นบรรยากาศโดยรอบด้านเปลี่ยนไปจนรู้ตัวอีกทีก็มีเสียงผุดภายในว่า “นี่คือเอเดน” เข้าไปอยู่ในสวนเอเดนตั้งแต่เมื่อไรยังไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ… ณ เอเดน ต้นไม้นั้นเด่นตระง่านตั้งอยู่บนเนินดินที่สูงขึ้นมาเล็กน้อยจากพื้นผิวทั่วๆ ไป โดยรอบของฐานต้นไม้นี้ มีสายน้ำเล็กๆ ล้อมรอบ แต่มองลักษณะภายนอกของต้นไม้นั้นแล้วก็เหมือนๆ กับต้นอื่น ไม่ได้มีลักษณะเด่นหรือแตกต่างไปจากต้นอื่นๆ มากนัก ข้าพเจ้าถามพระเยซู “พระองค์เจ้าข้า นี่คือเอเดนหรอค่ะ” ในขณะที่ตัวเองกระโดดออกจากรถเข็น ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ต้นไม้นั้นยิ่งขึ้น ตื่นตระหนกกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า… Read More »

สวรรค์ : COME BACK HOME AT THE HEAVEN‏

บันไดสีขาวถูกปกคลุมด้วยปุยเมฆสีขาว มองดูดั่งหิมะหนา เป็นความขาวสะอาดที่มองดูแล้วสัมผัสความนิ่มนวลอบอุ่น เบาสบาย วิ่งเข้ามาสัมผัสกายและเต็มความรู้สึกภายใน ความสูงทอดยาวไปเรื่อยๆ สุดลูกหูลูกตา มองหาที่สิ้นสุดไม่เจอ บางช่วงของบันไดมีความคดเคี้ยวเพียงเล็กน้อย  ฐานด้านล่างกว้างและค่อยๆ แคบลงเมื่อสูงขึ้นไปจนกระทั่งความกว้างเพียงพอสำหรับการเดินเพียงคนเดียวอย่างสบายๆ มองไปรอบด้านเต็มไปด้วยปุยเมฆหนาทึบที่แสนอบอุ่น… ย้อนมองดูตัวเองเห็นลักษณะการแต่งกายเป็นชุดเจ้าสาวขาวมีชายกระโปรงยาว ยิ่งเดินขึ้นไปสูงเท่าไรชายกระโปรงยิ่งยาวขึ้น แต่ไม่มีการเดินยากเลย ซึ่งต่างจากชุดเจ้าสาวทั่วๆ ไปบนโลกอย่างมากที่เดินลำบาก แต่นี่กลับเดินได้อย่างคล่องตัว ความยาวของชุดไม่เป็นอุปสรรคใดๆ เสียงตรัสของพระวิญญาณบริสุทธิ์ดังขึ้น “บันไดยิ่งสูงชันเท่าไร แรงต้านทาน แรงเสียดทานยิ่งมากเท่านั้น” ข้าพเจ้าถามพระองค์ว่า “ยิ่งเดินกับพระองค์มาก ทางก็ยิ่งแคบ เป็นแบบนั้นใช่ไหมคะ” พระองค์ตรัสว่า “ทางนั้นเป็นทางบนโลกที่นำสู่สวรรค์ ผู้ที่ผ่านพ้นและเดินทางแคบได้ คือผู้ที่จะได้เข้าแผ่นดินสวรรค์ แต่บันไดที่เจ้าเห็นเป็นบันไดเชื่อมแผ่นดินโลกในมิติฝ่ายวิญญาณ (อยู่เหนือจากมิติกายภาพ สูงกว่าขึ้นไปบนย่านฟ้า) ทอดยาวถึง แผ่นดินสวรรค์ ที่ยาวสุดลูกหูลูกตา เพราะแผ่นดินสวรรค์ไม่มีที่สุดสิ้นหรือขอบเขตของแผ่นดิน” “แล้วเมื่อไรข้าพเจ้าจะได้ไปสวรรค์อีกคะ” ฉันถาม “เวลานี้เจ้าได้เดินและยืนอยู่บนแผ่นดินสวรรค์แล้ว” พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงตรัส   ในขณะนั้นข้าพเจ้ายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ สายตาจับจ้องเป็นที่ปลายทางเท่าที่ตาจะมองได้ไกลที่สุด แม้จะมองไม่เห็นจุดหมายก็ตาม พรางมองไปรอบๆ เพราะได้รับความรู้สึกแบบลึกซึ้งที่อบอุ่น วางใจและปลอดภัยอย่างมาก ข้าพเจ้าเดินไปเรื่อยๆ ในขณะนั้นในมือถือมงกุฏ มีขนาดพอดีกับ 2 มือประคองไว้ มันไม่ได้ใหญ่มาก… Read More »

สวรรค์ : ครั้งแรกที่ได้มาเยือน

ณ หาดทรายขาวละมุนแสงแดดดูเหมือนเป็นใจให้เคลิบเคลิ้ม อยากจะแผ่กายนี้ลงบนผืนทรายเสียเหลือเกิน มันดูสะอาดสะอ้าน เม็ดทรายที่ขาวละเอียดจนสัมผัสถึงความนุ่มที่ฝ่าเท้า ไม่หยาบกร้านเหมือนเช่นเคยไปทะเลที่ใดๆ มา สุดสายตามองไม่เห็นเส้นตัดขอบน้ำและขอบฟ้า เสมือนว่าจะกลืนเป็นหนึ่งเดียวกันก็ไม่ปาน ข้าพเจ้าเดินไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ แช่ตัวเองเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศรอบๆ ตัว ข้าพเจ้าหยุดเดิน… เบื้องหน้าถัดเข้าไปในทะเลไม่ลึกสักเท่าไร มีเรือลำหนึ่งจอดอยู่ … ลักษณะเรือ เป็นเรือลำเล็กๆ สีขาวสวยงาม ขนาดพอนั่งได้ 2-3 คนสบายๆ ไม่มีเครื่องยนต์ใดๆ ข้าพเจ้านึกเอะใจอยู่ครู่หนึ่ง ว่า…. นี่คือเรือใครหนอ มาจอดตรงนี้ เพราะเมื่อมองไปทั่วบริเวณ ที่นี่มีแต่ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง แสงแดดที่อ่อนละมุน ลมบางๆ ที่พัดมาปะทะหน้าเอื่อยๆ แผ่นน้ำและผืนทรายสุดลูกหูลูกตา สงบเงียบ ไม่น่าจะมีใครอยู่ ณ ที่แห่งนี้ได้เลย เมื่อพิจารณาจากบรรยากาศโดยรอบแล้ว ข้าพเจ้ารู้ดีแก่ใจและรู้ตัวด้วยว่า นี่คือ การได้เข้ามาในนิมิตที่พระเจ้าให้แก่ข้าพเจ้า … ข้าพเจ้าจึงไม่ช้าอยู่ที่จะหยิบฉวยและดื่มด่ำอย่างเต็มที่ ด้วยอิสรภาพและเสรีภาพที่ได้รับ แต่ในขณะที่กำลังมีความสุขอย่างที่สุด เสมือนว่าได้ครอบครองที่นี่แต่ผู้เดียว ทุกสิ่งต้องชะงัก เมื่อหูของข้าพเจ้าได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี “จงขึ้นเรือมากับเรา” นั่นคือเสียงตรัสของพระองค์ที่ข้าพเจ้ารู้จักเป็นอย่างดี พระเยซูเจ้านั่นเอง ข้าพเจ้าหันมองซ้ายขวาว่าทรงอยู่ที่ไหน เสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้ง “จงขึ้นเรือมากับเรา”… Read More »

นรก : พื้นที่ระหว่างนรกกับสวรรค์

♥ หัวใจที่รู้สึกหนักหน่วง เหมือนอยากจะร้องไห้และอึดอัด พระเยซูทรงปรากฏอยู่เบื้องหน้า ข้าพเจ้าหยุดร้องไห้ แล้วบอกพระองค์ว่า : “จะไปต่อไหวไหมคะ ข้าพระองค์ยังไม่อยากหยุด อยากไปต่อทุกที่ทุกสิ่งที่ทรงพาไป นำไป ทรงอยู่ด้วย” แต่มันเหนื่อยล้าเสียเหลือเกิน พระเยซูทรงเดินต่อไปข้างหน้าทันที ข้าพเจ้ารีบลุกขึ้นก้าวเท้าออกไป ด้วยกลัวว่าจะต้องอยู่แต่ลำพัง ณ ที่แห่งหนึ่งมองไปเบื้องหน้าสุดสายตาเห็นแต่เขาหัวโล้นสีน้ำตาล แลดูแสนแห้งแล้ง ร้อนผ่าวๆ ระอุมาตามลมปะทะใบหน้า ณ จุดที่ยืนเป็นเพียงไอปลายๆ ที่พัดมาจากเขาลูกนั้น ยังสัมผัสได้ขนาดนี้ ทำให้รับรู้ทันทีว่าที่เขาหัวโล้นเบื้องหน้านั้นต้องเต็มไปด้วยความร้อนที่แสนทรมานเป็นแน่ ภายในข้าพเจ้ารู้ทันทีว่าที่นั่นคือ … นรก…  ท้องฟ้าที่ปกคลุมส่วนเขาลูกนั้นทมึนๆ เหมือนเวลาฝนจะตก ขมุกขมัว ไม่มีแสง มีแต่ความทมึนทึม แต่ท้องฟ้าในฝั่งที่ข้าพเจ้ายืนก็สว่างเป็นปกติเหมือนกลางวัน ไม่ร้อนมาก เสียงกรีดร้องโหยหวนดังสนั่นกึกก้องสะท้อนไปทั่วดินแดนนั้น เสียงเหล่านั้นทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกได้ด้วยภายในว่า ต้องการความช่วยเหลือเป็นอย่างมาก เสียงเหล่านั้นฟังไม่ได้ศัพท์ แม้จะอยู่ไกลมากแต่ก็ดังระงมจนแสบแก้วหูไปหมด เป็นเสียงที่ไม่น่าฟัง แต่ข้าพเจ้ามองไม่เห็นแหล่งที่มาของเสียง รู้แต่ว่ามาจากข้างในเขาหัวโล้นลูกนั้น จากเขาหัวโล้นจนถึงจุดที่ข้าพเจ้ายืนมีหุบเหวลึกไม่มีที่สิ้นสุดกั้นอยู่ ระยะห่างระหว่างเขาลูกนั้นถึงจุดที่ข้าพเจ้ายืนช่างห่างไกลกันจนไม่สามารถมีใคร หรือสิ่งใดข้ามมาได้ พระเยซู : “ใครหรือจะข้ามมาได้ มันช่างห่างไกลจนกระทั่งไม่มีใครสามารถข้ามมาได้ เหวลึกไม่มีที่สิ้นสุดขวางกั้นทางไว้ ผู้พยายามหลีกหนีจากนรกก็ทำไม่ได้ เขาจะตกลงไปในเหวนั้นและกลับสู่นรกนิรันดร แม้สัตว์ปีกก็ไม่สามารถบินข้ามฝั่งมาด้วยยาวไกลเกินกำลัง… Read More »

สวรรค์ : การเปิดเผยเพื่อปี 2013

เมื่อประตูบานใหญ่กว่าตัวหลายสิบเท่า (ขนาดที่แม้เอาคนหลายสิบคนมาดันก็ไม่รู้มันจะเปิดออกได้อย่างไร)ได้เปิดออกเอง ตัวที่แสนจิ้ดริดอย่างข้าพเจ้าก็ชะโงกหน้าผ่านช่องประตูที่เปิดออกเข้าไปดูว่าข้างในเป็นอย่างไร แต่กลับมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืดสนิท ครั้นจะถอยหลังก็ได้ยินเสียงดังกึกก้องว่าภายในประตูนั้นดังสวนออกมา “จงก้าวเข้ามา” เสียงนี้ดังกังวานจนชัดเจนมาก ใจหนึ่งของข้าพเจ้าคิดว่าไม่เห็นมีอะไรเลยจะก้าวเข้าไปทำไม มืดก็มืดมองอะไรก็ไม่เห็น แต่ไม่สามารถปฏิเสธเสียงนั้นได้ นอกจากจะดังกึกก้องแล้วยังชัดเจน เป็นเสียงที่คุ้นเคยที่ตัวข้าพเจ้าเองมักได้ยินเสมอๆ และมั่นใจว่าเสียงนี้เป็นมิตร นั่นคือ เสียงขององค์พระเยซู ผู้ที่เรานั่งคุยกันอยู่ทุกๆวัน ผู้ที่เราสัมพันธ์กันทุกๆ เวลา รู้และมั่นใจเช่นนั้นแล้ว จึงตัดสินใจก้าวเท้าเข้าสู่ประตูบานใหญ่ที่ภายในมองเข้าไปอัดแน่นไปด้วยความมืด… ทันทีที่เท้าของข้าพเจ้าก้าวเข้าสู่พื้นที่ด้านในของประตูความมืดก็ได้มลายหายไปอย่างอัศจรรย์ แล้วการปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบสีขาวขุ่นมัวก็แทนที่ สายน้ำหลั่งไหลมาจากไหนไม่รู้ทุกทิศทางเข้ามาสัมผัสกับปลายเท้าค่อยๆ เพิ่มระดับจากปลายเท้าขึ้นมาจนกระทั่งมิดกระตุ่มและเลยมาประมาณเกือบครึ่งน่อง สายน้ำนี้ช่างใสเหลือเกินใสจนกระทั่งเห็นแม้แต่เส้นเลือดที่ขาและเท้าของตัวเองอยู่ในน้ำ ความรู้สึกเย็นสบายและสดชื่นได้เข้าแทนที่ความลังเล ข้าพเจ้ายืนแช่อยู่อย่างนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหนทั้งสิ้น สักพักก็ได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้ง “ลูกหญิงของเราเอ๋ย จงก้าวเข้ามาอีก” เสียงพระเยซูทรงตรัสอีกครั้ง แต่ยังมองไม่เห็นพระองค์เลย ด้วยเมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่รายรอบตัวจนมองไม่เห็นทางข้างหน้าเลยนอกเสียจากเวลาที่ก้มมองดูน้ำที่เท้าของตนเองเท่านั้นที่ชัดเจน แต่คราวนี้ข้าพเจ้าไม่อิดออดเลย ก้าวออกไปด้วยความมั่นใจว่าจะตามเสียงนั้นไปจนถึงต้นทางของเสียงเรียก ทันทีทันใดที่เริ่มก้าวเท้าออกทางข้างหน้าที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกก็ถูกแหวกออกและเปลี่ยนเป็นทอแสงสีทองเหลืองส้มอร่ามดุจดังดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นจากภูเขาและเส้นขอบทะเล แต่ความสว่างนั้นสดใสกว่าหลายร้อยหลายพันเท่า เป็นแสงสีทองที่ทอตามเส้นทางทำให้เห็นเส้นทางที่จะก้าวเดินออกไปได้อย่างชัดเจน ไม่เพียงเท่านั้นข้าพเจ้าก้มหน้ามองดูที่สายน้ำ สายน้ำใสปิ้งได้กลายเป็นสายน้ำสีทองที่เป็นเหมือนทองคำที่กำลังถูกหลอมอยู่ในเตาไฟ แต่มันไม่ร้อนเลยสักนิดกลับรู้สึกเย็นสบายและโล่งกว่าเดิมเสียอีก คราวนี้แหละการก้าวต่อไปก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ มองไปข้างหน้าเห็นร่างคนๆ หนึ่งกำลังยืนรออยู่ ….นั่นเอง!! ต้นเสียงที่ร้องเรียกให้ข้าพเจ้าก้าวเข้าไปหา องค์พระเยซูทรงยืนรอด้วยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น ใบหน้าของพระองค์บ่งบอกว่ารักและภูมิใจในตัวของข้าพเจ้ามาก แม้จะยังไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาจากปากของพระองค์อีกครั้ง แต่เวลานั้นเองที่ข้าพเจ้าเร่งฝีเท้าอยากไปให้ใกล้และถึงพระองค์เร็วยิ่งขึ้น แต่อีกใจนึงก็รู้สึกถึงความสบายและอบอุ่นอยากจะแช่อยู่อย่างนี้ อยากจะนั่งลงแทนการก้าวเดินเสียจริงๆ แต่ก็ไม่สามารถหยุดเท้าของตัวเองได้เพราะใจมันปรารถนาและพุ่งตรงไปที่พระเยซูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งบังคับให้ฝีเท้ายิ่งเร่งๆเข้าไป… Read More »

สวรรค์ : บัลลังก์พิพากษา

ขณะนี้ข้าพเจ้าได้ยืนอยู่ด้านหลังบัลลังก์พิพากษา ทันทีที่รู้ตัวว่าตัวเองยืนอยู่ตรงนี้ก็เริ่มพยายามจะขยับตัวเพื่อไปอยู่ในส่วนที่คนอื่นเขายืนกัน แต่เสียงอันหนักแน่นขององค์พระผู้เป็นเจ้าดังขึ้น “เจ้าจงยืนอยู่ตรงนั้น และมองดูสิ่งที่เราจะให้เจ้าเห็นกับตา เจ้าสามารถนำความเหล่านี้ไปบอกผู้คนได้ถึงสิ่งที่เจ้ามองเห็น” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส… ในขณะที่ข้าพเจ้ายืนอยู่ด้านหลังบัลลังก์มองเห็นเพียงเบื้องหลังพนักพิงของบัลลังก์ที่ใหญ่โตและน่าเกรงขามสะท้อนออกมา เท้าก็อ่อนแรงด้วยเหตุที่ใจภายในยำเกรงและสั่นกลัวว่าตนเองยืนอยู่ผิดที่ผิดทาง เนื่องจากครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเคยมาที่หน้าบัลลังก์นี้แล้ว  แต่การมาครั้งนั้นข้าพเจ้าได้ยืนอยู่เบื้องล่างต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าแบบตัวต่อตัวและรายล้อมไปด้วยบรรดาทูตสวรรค์ แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เวลานี้สิ่งที่ตาเห็น บวกกับใจที่สั่นคร้ามภายใน ทำให้ร่างกายทรุดลงถึงดิน ขาที่เปลี้ยด้วยหมดแรง ทูตสวรรค์ 2 ตนเข้ามาประคองแขนข้าพเจ้าให้ลุกขึ้นยืนและกล่าวข้างหูเบาๆ ว่า “อดทนไว้ และมองดูทุกรายละเอียดให้มากที่สุด องค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังจะเปิดเผยกับท่าน”… ข้าพเจ้าใช้เวลาสักครู่ในการพยายามวางความกลัวลง และพยายามพยุงตัวให้ยืนให้มั่น แต่ถึงกระนั้นขาก็ยังคงเปลี้ย ทูตสวรรค์ทั้ง 2 ยังคงพยุงแขนทั้ง 2 ข้างของข้าพเจ้าทั้งซ้ายขวา จนกระทั่งขาข้าพเจ้าเริ่มมาเรี่ยวแรงมากขึ้นๆ พอจะพยุงตัวเองอยู่ ข้าพเจ้าพยายามสอดส่ายสายตากวาดมองไปรอบๆ และเก็บรายละเอียดในองค์ประกอบต่างๆ ที่ตาเห็นให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้  ภายในรับรู้ได้ทันทีว่ากำลังที่ทำให้สามารถยืนอยู่ได้ในขณะนี้มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ประทับอยู่เบื้องหน้าของข้าพเจ้า ใจภายในภาวนาแต่เพียงว่า “นี่แค่ด้านหลังยังขนาดนี้เลย โอ้ววว ช่วยข้าพระองค์ด้วย โปรดเถิด โปรดด้วย อย่าปล่อยข้าพระองค์ไว้” สิ่งที่เห็นเป็นดังนี้ ผู้คนจำนวนมากใส่ชุดสีขาวโพลนดูสว่างไสวสวยงามไปหมดยืนอยู่เต็มพื้นที่เบื้องล่างหน้าบัลลังก์ ความขาวนั้นสะท้อนออกมา แวววาวระยิบเป็นประกายสีขาวสว่างไสว ดั่งมีเรืองแสงได้ด้วยตัวมันเอง ข้าพเจ้าพยายามเปรียบเทียบความขาวเหล่านี้จากโลก แต่ก็หา ใดๆ ในโลกมาเปรียบเพื่ออธิบายก็ไม่ได้   ความขาวสว่างไสวของชุดที่แต่ละคนใส่ไม่เท่ากัน… Read More »