Tag Archives: ข้อคิดเพื่อการดำเนินชีวิต

การล้อมรั้วฝ่ายวิญญาณ

เหตุผลที่เราทั้งหลายดำเนินชีวิตคริสเตียนอย่างดี และระมัดระวังย่างเท้าของตนให้ชอบธรรม การรักษาจริยธรรม ให้ถูกต้องตามพระคัมภีร์ ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระบิดาอยู่เสมอ เป็นเหมือนดั่งการล้อมรั้วฝ่ายวิญญาณ บ้านใดก็ตาม ที่มีรั้วเป็นขอบเขตกั้น ย่อมแสดงถึงพื้นที่ที่ตนมีสิทธิและเป็นเจ้าของในการครอบครอง ในการถือครอง ดังนั้นจะเห็นว่า โจรและขโมยไม่สามารถเข้าใกล้ หรือรุกล้ำ เข้ามายังพื้นที่ภายในรั้วได้ การล้อมรั้วฝ่ายวิญญาณก็เฉกเช่นเดียวกัน เราขีดเส้นฝ่ายวิญญาณเอาไว้ เป็นดั่งรั้ว ที่ล้อมรอบชีวิตให้ปลอดภัย ด้วยการทรงสถิตและพระสิริของพระเจ้า ด้วยการปกคลุม ด้วยบรรดาทูตสวรรค์ที่ปกป้องเราให้ปลอดภัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ พระเยซูทรงกระทำ สำเร็จแล้วบนกางเขน บรรดาผู้เชื่อ ย่อมได้รับการปกคลุมโดยพระโลหิตของพระองค์…  แต่ถึงกระนั้นการดำเนินชีวิตบนโลก ยังคงต้องพบเจอและเผชิญกับการล่อลวง การหลอกลวง การล่อให้หลง และสิ่งเย้ายวนมากมายที่คอยกระตุ้นเร้าความบาปและเนื้อหนังตัณหา ตามธรรมดาฝ่ายโลก เหตุนี้เอง … •    การรักษาชีวิตให้เข้มข้นในความบริสุทธิ์ของพระเจ้า •    การดำเนินชีวิตแบบคำนึงถึงจริยธรรมพระคัมภีร์เป็นหลัก •    การสนใจและให้น้ำหนักกับน้ำพระทัยพระบิดาเป็นที่หนึ่ง •    การศึกษาและใคร่ครวญถึงพระวจนะคำของพระเจ้า เพื่อสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างแท้จริง •    การเผชิญและตอบสนองต่อปัญหาที่อยู่ตรงหน้า ทั้งที่ข้องเกี่ยวโดยตรงหรือโดยอ้อมก็ตาม *** สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น การสร้างขอบเขต และรั้วฝ่ายวิญญาณให้กับชีวิตตนทั้งนั้น การรักษาชีวิตตนไม่ให้ข้องเกี่ยว ไม่ให้ยุ่งเกี่ยว กับสิ่งที่รู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่า ผิดบาป หรือสุ่มเสี่ยง… Read More »

เสรีภาพในการตัดสินใจ

มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คริสเตียนไม่ควรทำ ไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้ และเลือกที่จะไม่ทำ ดูเหมือนว่า จะมีขอบเขต หรือข้อกำหนดมากมาย แต่แท้ที่จริง กลับเป็นความปลอดภัย ภายใต้ความชอบธรรม ที่พระคัมภีร์ระบุไว้ เรามีเสรีภาพในการดำเนินชีวิต ในการเลือกใช้ชีวิต แต่ผู้ที่ดำเนินอยู่ในมรรคาของพระคริสต์ ซึ่งเป็นทางแคบ ย่อมยินดีมอบถวาย เนื้อหนัง ตัณหา หรือสิ่งที่ แค่ชั่วคราว มัทธิว 7:13-14 13 คนแสวงหาความรอดมีน้อย คนจำนวนมากจึงหลงไปจงเข้าไปทางประตูแคบ เพราะว่าประตูใหญ่และทางกว้างนั้นนำไปถึงความพินาศ และคนที่เข้าไปทางนั้นมีมาก 14 เพราะว่าประตูซึ่งนำไปถึงชีวิตนั้นก็คับและทางก็แคบ ผู้ที่หาพบก็มีน้อย 1 โครินทร์ 6:12   ข้าพเจ้าทำสิ่งสารพัดได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำได้นั้นเป็นประโยชน์ ข้าพเจ้าทำสิ่งสารพัดได้ แต่ข้าพเจ้าไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของสิ่งใดเลย 1 โครินทร์ 10:23   จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าข้าพเจ้าทำสิ่งสารพัดได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำได้นั้นเป็นประโยชน์ ข้าพเจ้าทำสิ่งสารพัดได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งจะทำให้เจริญขึ้น หลักคิดง่ายๆ เบื้องต้น ในการดำเนินชีวิต เพื่อเลือกที่จะทำหรือไม่ทำ บางสิ่งบางอย่าง เลือกร่วมหรือไม่ร่วมบางอย่าง เสรีภาพในการตัดสินใจ 1.    สิ่งนั้น พระเจ้าว่าอย่างไร? 2.    สิ่งนั้น… Read More »

อยากได้สิ่งยิ่งใหญ่

โดยปกติธรรมชาติของมนุษย์มักมีความปรารถนาอยากได้ อยากครอบครอง สิ่งต่างๆ ในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่จบสิ้น แต่ทุกความปรารถนาที่ประสบผลสำเร็จ มีหลายปัจจัยที่ข้องเกี่ยว โดยเฉพาะปัจจัยของการหว่าน เมื่อเราหว่านสิ่งใดลงไป ย่อมได้เก็บเกี่ยวผลจากสิ่งนั้นๆ 2 คร.9:6-7 9:6 นี่แหละ คนที่หว่านเพียงเล็กน้อยก็จะเกี่ยวเก็บได้เพียงเล็กน้อย คนที่หว่านมากก็จะเกี่ยวเก็บได้มาก 9:7 ทุกคนจงให้ตามที่เขาได้คิดหมายไว้ในใจ มิใช่ให้ด้วยนึกเสียดาย มิใช่ให้ด้วยการฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้ด้วยใจยินดี พระเจ้ามีน้ำพระทัยที่จะประทานให้แก่คนของพระองค์อย่างเต็มที่เป็นที่ตั้งอยู่แล้ว แต่เราแต่ละคนได้รับแตกต่างกัน อันเนื่องมาจากขนาดของการหว่าน อยากได้สิ่งยิ่งใหญ่   แบบอย่างที่น่าเรียนรู้ 1.    อยากได้ความมั่งคั่งแบบโยบ ต้องผ่านจุดวิกฤตอย่างที่สุดแบบที่โยบผ่าน กว่าจะทวีคูณความมั่งคั่งที่มีอยู่ โยบถูกเขย่าจนกระทั่งหมดสิ้นทุกสิ่ง และในขณะที่หมดสิ้นทุกสิ่งอย่าง เขายังคงยืนหยัดและติดตามพระเจ้าเป็นอย่างดี ไม่ต่างจากในวันเวลาที่เขามีเลย ดังนั้น พระพร ฟ้าหลังฝนจึงยิ่งทวีคูณความยิ่งใหญ่ของพระเจ้ามายังชีวิตของเขามากกว่าเดิมเสียอีก ฐานเดิมถูกเปลี่ยนเป็นฐานใหม่ที่กว้างใหญ่มากขึ้นเป็นเท่าตัว จากวิกฤตการณ์กลับกลายเป็นจุดแห่งการรื้อฟื้นอย่างมาก ด้วยหัวใจที่ขอบพระคุณพระเจ้าต่อทุกสถานการณ์ที่เขาได้รับและต้องเผชิญ โยบ 1:1-2 1:21 ท่านว่า “ข้าพเจ้ามาจากครรภ์มารดาของข้าพเจ้าตัวเปล่า และข้าพเจ้าจะกลับไปตัวเปล่า พระเยโฮวาห์ทรงประทาน และพระเยโฮวาห์ทรงเอาไปเสีย สาธุการแด่พระนามพระเยโฮวาห์” 1:22 ในเหตุการณ์นี้ทั้งสิ้นโยบมิได้ทำบาปหรือกล่าวโทษพระเจ้าอย่างโง่เขลา โยบ 2:9-10 2:9… Read More »

สะท้อนกลับ

การแช่งด่าอันไม่สมเหตุสมผล ไม่มีผลใดๆ ต่อผู้ชอบธรรม ด้วยความรักและหวงแหนของพระเจ้าที่มีต่อผู้ชอบธรรม จะทรงลุกขึ้นปกป้องต่อสู้ผู้ที่ทำร้ายบุตรอันเป็นที่รักดั่งแก้วตาดวงใจของพระองค์ ยิ่งผู้นั้นตอบสนองอย่างดีและถูกต้อง ด้วยการไม่โต้ตอบกลับในทางที่ร้าย ยิ่งเหมือนสุมไฟในทรวงกับศัตรู เพราะไม่เป็นไปตามคาดหมายของเขา กฎการหว่านมีอยู่ว่า : ผู้ใดหว่านสิ่งใด ย่อมได้เก็บเกี่ยวสิ่งนั้น หากใครหว่านการร้ายต่อผู้อื่น ย่อมต้องเก็บเกี่ยวการร้ายนั้น กรณีหว่านแล้ว ผู้อื่นตอบแทนร้ายกลับมา แน่นอนว่าผลจะต้องเก็บกินทั้ง 2 ฝ่าย คือ การแตกหัก ชิงชัง พ่ายทั้งคู่ แต่หากใครทำร้ายเรา แล้วเรานิ่งเฉยและสงบ การร้ายนั้นจะไม่เป็นผลมาถึงเรา โดยเฉพาะคำแช่งสาป เพราะพระเจ้าจะปกป้องเราเป็นแน่ อีกทั้งผลแห่งการหว่านของศัตรูจะนำความชอกช้ำตกแก่เขาเอง ด้วยกฏแห่งการหว่านโดยที่เราไม่ต้องเปลืองตัว ออกแรงใดๆ … แค่สงบใจให้ได้เป็นพอ   สะท้อนกลับ 1.    จงดำเนินชีวิตให้พระเจ้าอยู่ฝ่ายเรา เมื่อมีการร้ายเข้ามา << การหวงแหนของพระองค์จะเป็นดั่งป้อมปราการ ที่มากกว่าการปกป้อง แต่จะเป็นดั่งโล่ที่สะท้อนลูกธนูของศัตรูยิงมาให้กลับออกไปยังเขาเอง 2.    พระเจ้าจะลุกขึ้นต่อสู้และแก้ต่าง แทนผู้ชอบธรรมในเวลาอันสมควร เป็นแน่ …       แต่ผู้ที่อดทนไม่ไหว ลุกขึ้นจัดการศัตรูด้วยมือตนก่อน จะไม่ได้เห็นการนั้นจากพระเจ้า เพราะการตอบสนองที่ทำให้พระเจ้าอยู่ฝ่ายเราไม่ได้…    … Read More »

กระบวนการชำระและสร้างใหม่

เวลาอาบน้ำ ไม่มีกำหนดกฎบังคับว่าต้องอาบกี่ขัน อาบกี่ครั้ง >> แต่อาบจนกว่าจะสะอาดหมดจด เวลากิน ไม่มีกำหนดว่ากินกี่คำ >> แต่กินจนกว่าจะอิ่ม เวลานอน ไม่มีข้อบังคับว่าต้องนอนมากน้อยแค่ไหน >> แต่พักจนกว่าจะมีแรงและสดชื่น การชำระและสารภาพบาปก็เช่นกัน ไม่มีกำหนดกฎเกณฑ์ว่า ต้องอธิษฐานกี่ครั้ง >> แต่ให้อธิษฐานจนกว่าตนเองจะมั่นใจว่า สะอาดแล้ว อิสยาห์ 1:18 พระ‍ยาห์‌เวห์ตรัสว่า“มา‍เถิด ให้พวก‍เราสู้‍ความกันถึงบาปของเจ้าเป็นเหมือนสี‍แดง‍เข้มก็จะขาวอย่างหิมะถึงมันจะแดงเหมือนผ้า‍แดงก็จะเป็นอย่างขน‍แกะ แท้ที่จริงฤทธิอำนาจโลหิตของพระเยซูบนกางเขนนั้นเปี่ยมพลัง สามารถยกโทษชำระเราแต่ละคนได้อย่างหมดจด ตั้งแต่ครั้งแรกและครั้งเดียว แต่เนื่องจากเราแต่ละคนมีขนาดความมั่นคงทางจิตใจ ในแต่ละเรื่องที่แตกต่างกัน ประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน ความเปราะบางและความเข้มแข็งในแต่ละด้านที่ต่างกัน ดังนั้นความมั่นใจในการชำระแต่ละคนจึงต่างกัน แม้ในตัวคนๆ เดียวกัน ก็อาจต่างกันในแต่ละเรื่อง แต่ละเวลาด้วยซ้ำ จึงไม่ควรท้อแท้ หรือปรักปรำตนเอง ในการใช้เวลารับการชำระจากพระเจ้า หากยาวนานกว่าคนอื่น หรือไม่ทันใจตนเอง >>> เพราะในขณะนั้นเรากำลังอยู่ในกระบวนการสร้าง การเยียวยา และการรื้อฟื้น ไปพร้อมๆ กัน เพื่อจะมีชีวิตใหม่ได้อย่างแท้จริง ตัวอย่าง  พระเยซูสอนเปโตรให้ยกโทษ 7×70 ครั้ง มัทธิว 18:21-22 21 ขณะนั้นเป‌โตรมาทูลพระ‍องค์ว่า… Read More »

ระดับการตอบสนองพระเจ้า 2 แบบ

1 คร.10:13 ไม่‍มีการทด‍ลองใดๆ เกิด‍ขึ้นกับท่าน‍ทั้ง‍หลาย นอก‍เหนือการทด‍ลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ พระ‍เจ้าทรงซื่อ‍สัตย์ พระ‍องค์จะไม่ทรงให้พวก‍ท่านต้องถูกทด‍ลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อถูกทด‍ลอง พระ‍องค์จะทรงให้มีทางออกด้วย เพื่อพวก‍ท่านจะมีกำลังทนได้ ระดับการตอบสนองพระเจ้า 2 แบบ 1.    ไม่รู้หนทางข้างหน้า •    เมื่อมีสถานการณ์ใดๆ ที่ต้องเผชิญแม้ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้มาก่อนว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับเรา ไม่รู้ว่าหนทางในการตอบสนองจะเป็นอย่างไร คำตอบของพระเจ้าคืออะไร สิ่งที่ต้องตอบสนองคือ… วางใจ •    พระเจ้าจะทดสอบเรื่องความวางใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่ว่าหนทางข้างหน้าเป็นอย่างไร สิ่งที่ตอบสนองจะถูกหรือไม่ จะต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่พระเจ้าจะทรงทอดพระเนตรที่จิตใจภายในของเราว่าเต็มที่หรือยัง ไว้วางใจและร่วมผจญภัยไปกับพระเจ้า ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแสวงหาคำตอบและทางออกในการก้าวเดินจากพระเจ้า ระมัดระวังโดยมีพื้นฐานพระคัมภีร์เป็นหลัก เพื่อตีกรอบในการตอบสนองอย่างดี •    ระดับการตอบสนองจุดนี้ พระเจ้าวัดว่าภายในเราผ่านแค่ไหน? เพื่อสร้างความแกร่งและความเข้าใจพระองค์มากขึ้น แม้ตอบสนองถูกบ้างผิดบ้าง ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ประเด็นหลักคือ เราต้องผ่านเรื่องความวางใจพระองค์และพึ่งพาพระองค์ ซึ่งหนทางข้างหน้าพระองค์จะเป็นผู้กระทำเอง •    *** สรุป ตอบสนองเต็มที่ที่สุด เพราะพระเจ้าวัดเส้นผ่านแค่ใจผ่าน เมื่อใจผ่านสิ่งอื่นจะตามมาเอง ***   2.    พระเจ้าเปิดเผยให้รู้ล่วงหน้า •    รู้ทุกอย่างว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเวลาใดๆ เพื่อเตรียมรับมือ… Read More »

หัวใจของผู้เป็นแม่อย่างนางมารีย์

พระเจ้ามีแผนการณ์ในเราแต่ละคน แต่ละส่วน และแต่ละช่วงเวลา ซึ่งแผนการณ์ของพระเจ้าในชีวิตของเราอาจบรรจบตรงกับใครบางคน เพื่อร่วมกัน หรือประสานกัน แต่ละส่วนเป็นอย่างดี ครบถ้วน ในบางช่วงเวลา… แน่นอนพระเจ้าไม่ได้ให้เรามีทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ หรือยืนทุกตำแหน่งได้อย่างสมบูรณ์ด้วยตัวเราเองคนเดียว… แต่ทรงนำเราแต่ละคนมาประกอบกัน เหมือนอวัยวะประกอบเป็นร่างกาย และมีการปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ส่วนตัวเราเองจำเป็นต้องเรียนรู้อย่างยิ่งถึงแผนการณ์ของพระเจ้า เพื่อจะอยู่ในน้ำพระทัยของพระองค์ และรู้จุดยืนของตนว่า “พระองค์วางเราไว้ตรงไหน?” และ “เราต้องตอบสนองสิ่งใดๆบ้าง?” พระบิดาทรงใช้ครรภ์ของนางมารีย์ เพื่อให้กำเนิดพระเยซูพระบุตรของพระเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแต่มารับสภาพมนุษย์บนโลก แต่พระบิดาทรงกำหนดและเลือกหญิงสาวพรหมจรรย์ผู้นี้ ในการทำให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จและสมบูรณ์ ส่วนนางมารีย์ก็ตอบสนองพระเจ้าได้อย่างดีทีเดียว เธอสามารถละทิ้งความอับอาย เกียรติยศ ชื่อเสียงและความสะดวกสบายที่เธอมี เพื่อจะเดินตามน้ำพระทัยพระเจ้าและมีส่วนสำคัญในงานของพระองค์ในครั้งนี้ เธอพบความยากลำบากในการตั้งครรภ์ ตลอดจนการคลอด การเลี้ยงดูให้พระบุตรเจริญวัย แต่เมื่อถึงวาระครบบริบูรณ์ นางมารีย์คนนี้รู้น้ำพระทัยพระบิดาแต่แรกแล้วว่าบุตรในครรภ์ของเธอคือองค์พระผู้เป็นเจ้า และเธอรู้ว่าเธอต้องอยู่ในแผนการณ์ของพระองค์นานเพียงใด รู้ว่าพระบุตรนั้นแม้จะเป็นบุตรของเธอแต่ก็ไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของพระบิดาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว…. เมื่อถึงวาระพระเยซูทรงออกทำพระราชกิจของพระองค์ หญิงคนนี้ไม่ได้ขัดขวางเอาเสียเลย จะเห็นได้ว่าพระเยซูทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ โดยปราศจากการขัดขวางของครอบครัวเลย อาจมีเพียงครั้งเดียวที่ครอบครัวยังไม่รู้ ว่าถึงวาระและเวลาของพระองค์แล้ว แต่นั่นเป็นเพียงครั้งเดียว… เพราะหลังจากนั้นเราไม่เห็นการปรากฏของนางมารีย์ในการขัดขวางเลย หัวอกคนเป็นแม่… ยามเมื่อลูกเติบโตต้องยอมให้ออกไปค้นหาตนเอง และพระเยซูทรงทำเช่นนั้นตามน้ำพระทัยพระบิดา … ส่วนของนางมารีย์ผู้ผ่านความยากลำบากมาไม่น้อยเพื่อการคลอด การเลี้ยงดูพระเยซู คงมีทั้งความรักผูกพัน การทุ่มเทชีวิต ความหวงแหน… Read More »

เสริมสร้างให้สมบูรณ์ ใช่ว่าหักล้าง

ในโลกนี้เรื่องราวต่างๆ มีหลายด้านหลายมุมเสมอ อยู่ที่ว่าใครจะมองมุมไหน แง่ไหน present จุดไหน ซึ่งการมองเห็นต่างมุม คิดแตกต่าง หลายๆ ครั้งไม่ใช่เรื่องผิดเลย เมื่อนำมาประกอบรวมกันกลับทำให้สมบูรณ์มากยิ่งๆ ขึ้น แต่มีคนส่วนมาก ที่มองเรื่องความเห็นต่างผิดไปจากความจริง ที่ว่า … คนที่เห็นต่างเป็นศัตรูความคิด หรือตั้งป้อมอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเรา คนที่ขาดความมั่นคงภายในจิตใจมักสร้างเกราะกำบังให้ตนเองและหลบซ่อนอยู่ภายใน เพื่อความปลอดภัย บ้างก็เป็นเกราะที่ปิดตนเองจากสิ่งอื่นๆ , บ้างก็เป็นเกราะคิดว่าตนต้องถูกเพียงคนเดียว , ใครเห็นต่างคนนั้นผิด หรือเป็นศัตรู •    ส่งผลให้ไม่มีการพัฒนาชีวิตหรือแนวความคิดที่เติบโตขึ้น เพราะมองแค่ด้านเดียว •    ส่งผลให้เกิดความเข้มแข็งเพียงแค่มุมเดียว แต่มุมอื่น ส่วนอื่นอ่อนแออย่างแรง เพราะปิดกั้นตนเองจากสิ่งที่ตนไม่รู้ ไม่เข้าใจ แม้ผู้อื่นรู้และเข้าใจมากกว่าก็ยอมรับไม่ได้ •    ส่งผลให้ไม่สามารถเข้าถึง หรือแม้แต่จะเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบ พระเยซูไม่ได้มาล้มเลิกธรรมบัญญัติ แต่ทรงมาทำให้สมบูรณ์ เมื่อพระองค์ทรงสอนเพื่อเปิดตาใจ สำแดงความกระจ่างแจ้งแก่มนุษย์ในแง่มุม ในด้านที่แตกต่าง ในส่วนที่มนุษย์เข้าไม่ถึง… เป็นเหตุให้เหล่าฟาริสี ไม่ยอมรับและเป็นเหตุให้ยกสิ่งเหล่านี้ มาโจมตีเพื่อจับกุมพระเยซู โดยตั้งข้อหาที่คำพูดบางคำ บางตอนของพระองค์ หลายครั้งเราเป็นเช่นเดียวกับฟาริสีหรือเปล่า???  ที่จับคำพูดบางคำ บางตอนของผู้อื่นขึ้นมาโจมตีและให้ร้าย แม้สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ผิดไปจากพระคำพระเจ้า แต่มันผิดตรงที่คิดเห็นแตกต่างจากเรา… Read More »

กลัวเพี้ยน

ในพระคัมภีร์ไม่ได้ให้การเน้นน้ำหนักที่กลัวคนเพี้ยน แต่เน้นน้ำหนักส่วนใหญ่ที่หมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดับการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ … เพราะเป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องรับผิดชอบตัวเองกับพระเจ้า เป็นความรับผิดชอบที่ต้องเติบโต และพัฒนาขึ้น ความรับผิดชอบตกแก่บุคคลนั้นๆ ไม่ใช่ ผู้นำหรือผู้ชี้แนะ เว้นเสียแต่พ่อแม่รับผิดชอบเลี้ยงดูลูก สามีรับผิดชอบภรรยา คนยิวก็ไม่กลัวเพี้ยน เพราะพวกเขามีพื้นฐานพระคำ ยิวมี 2 ขั้วเลย คือ เชื่อกับหลงเจิ่น ไม่มีเชื่อแต่เพี้ยน การสอนคนให้รู้จักตรวจสอบทุกสิ่งด้วยพระคำ เป็นการสอนของยิว ทุกคนต้องรู้และท่องจำพระคำ เพื่อตนเอง พวกเขาคิดแต่เพียงว่า… ?ทำอย่างไรจึงจะทำตามพระวจนะของพระเจ้าได้ … พวกเขาไม่มีความสงสัยใดๆ เลย เพราะพื้นฐานความเชื่อมาจากการมั่นใจว่าพระคำมาจากพระเจ้า เขาจะคิดว่า… ?ทำอย่างไรให้พระพรที่พระคำกล่าวไว้นั้นเป็นจริงในชีวิตส่วนตัว … ดังนั้นทุกคนมุ่งเน้นแค่ตนเองและครอบครัว คนที่มุ่งเน้นคนอื่น มีแค่ ฟาริสีเท่านั้น การสอนของพวกเขาเน้นความรู้ความเข้าใจและความล้ำลึกแห่งถ้อยคำมากยิ่งขึ้น พวกเขาจะชันสูตรทุกสิ่งจากพระคำที่เขารู้ ตัวอย่าง บุคคลในพระคัมภีร์มักอ้างพระคำ อ้างถึงบัญญัติ เป็นการสะท้อนถึงการมีฐานความรู้เรื่องพระคำและบัญญัติของพระเจ้าในชีวิตของเขาเอง ดังนั้นจึงทำให้เกิดความมั่นคง และสามารถแยกแยะสิ่งที่ผิดจากพระวจนะของพระเจ้าออกไปได้   กลัวเพี้ยน 1.    ความรับผิดชอบในการรักษาชีวิตและเดินติดตามพระเจ้าเป็นของเราแต่ละคนเอง ไม่ใช่ของผู้นำ พ่อแม่ คริสตจักร ดังนั้น ทุกคนจำเป็นต้องระมัดระวังรักษาทางของตน รวมถึงหาทุกทางในการปกป้องตนเอง… Read More »

ปฐก.8:1-5 พระเจ้าระลึกถึงโนอาห์

โนอาห์ไม่รู้ว่าน้ำท่วมโลกครั้งนี้จะใช้ระยะเวลานานแค่ไหน เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นบนโลก ไม่มีประวัติศาสตร์ให้ศึกษา ไม่มีใครให้ปรึกษา แต่เขาเชื่อฟังพระเจ้าอย่างสุดใจ ท่ามกลางความไม่รู้ และสภาวการณ์ที่เลวร้าย น่ากลัว ฝนที่กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ขาดสายเป็นระยะเวลายาวนานถึง 150 วัน อาหารบนเรือก็เริ่มจะร่อยหรอลงเรื่อยๆ ไหนจะบรรดาฝูงสัตว์ที่ต้องดูแล นั่นหมายถึงจำนวนเสบียงต้องถูกแบ่งให้กับทุกสิ่งที่มีชีวิตเหล่านั้นด้วย แต่มันเพียงพอ เพราะเมื่อถึงเวลาพระเจ้าจะทรงหันพระพักตร์มาเพราะทรงระลึกถึงโนอาห์ ท่ามกลางความเลวร้าย ที่ไม่อาจคาดเดา เวลาสิ้นสุดได้นั้น อย่าลืมว่านอกจากพระเจ้าจะทรงซ่อนเราในที่กำบังอันปลอดภัยแล้ว ทรงรู้ด้วยว่าเสบียงของเรามีมากน้อยเพียงใด และทรงมาก่อนเวลาที่จะหมดเกลี้ยงเป็นแน่ๆ       2015-09-16