หน้าที่ผู้สนับสนุน

By | 2014/06/14

เราแต่ละคนย่อมมีบทบาทหน้าที่ที่พระเจ้าทรงตั้งไว้ไม่เหมือนกัน บางคนเกิดมาเพื่อนำ บางคนเกิดมาเพื่อสนับสนุน บางคนเกิดมาเพื่อนำแต่พระเจ้าให้สนับสนุนในบางเวลา บางเวลาอยู่ในตำแหน่งสนับสนุนแต่พระเจ้าให้นำบางครั้งครา ซึ่งบทบาทของแต่ละคนไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งใดก็ตามไม่มีผลต่อการยกหรือลดทอน ระดับคุณค่าในชีวิต พระเจ้าทรงให้คุณค่าเราตั้งแต่แรกเริ่มอยู่แล้วไม่ว่าเราจะเป็นใคร เป็นคนแบบไหนก็ตาม ดังนั้นไม่ว่าเราจะได้รับบทบาทอะไร ยืนอยู่ในตำแหน่งอะไร นั่นล้วนเป็นสิ่งที่ทรงเกียรติและน่าภาคภูมิอย่างที่สุด หากจุดที่เรายืนเป็นจุดที่พระเจ้าเป็นผู้จัดวางเราไว้

สิ่งสำคัญคือ การเรียนรู้ที่จะพัฒนาและเคลื่อนไปกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้มากที่สุดในบทบาทของตนเอง เป็นความสุขและสนุกเพราะมันมีความลึกและกว้าง มีบทเรียนที่สดใหม่ มีสิ่งที่ต้องปล้ำสู้และไปให้ถึงในตัวของมันเอง หากเราไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนา พระเจ้าทรงสามารถสอนเราได้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งตัวเราเองอาจเปลี่ยนความคิดแต่เดิมที่เคยมีเลยทีเดียว

ความยิ่งใหญ่ไม่ใช่ปริมาณหรือขนาดของงานที่ทำ แต่คือการได้เรียนรู้จักองค์มหัศจรรย์และการได้ก้าวไปกับพระองค์ทีละก้าวที ละขั้น แม้ทำเหมือนเดิมแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือความสัมพันธ์ที่พัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ความใกล้ชิดที่ทรงให้เกียรติเราซึ่งเป็นเพียงมนุษย์ผงคลีได้มีส่วนร่วมไปกับพระองค์ในแต่ละเรื่อง แต่ละเวลา ซึ่งเราแต่ละคนจะถูกเรียกให้มีส่วนร่วมแตกต่างกัน งาน พันธกิจและการทรงเรียกของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกมีมากมายเป็นล้านๆ เรื่องจนนับกันไม่ไหวเลยทีเดียว เราสามารถทำได้เพียงแยกหมวดหมู่ประเภทใหญ่ๆ แต่รายละเอียดปลีกย่อยอยู่ที่เราผู้ตัดสินใจเลือกที่จะเดินตามพระเจ้าในชีวิตเอง

เมื่อพระเจ้าได้มอบหมายภาระกิจให้กับเรา นั่นหมายถึงพระองค์ทรงจัดวางตำแหน่งและบทบาทให้กับเราเป็นอย่างดีแล้ว มันย่อมเกิดผลแน่นอน!! หากเราตอบสนองและทำตามด้วยใจเชื่อฟัง และหลายครั้งด้วยความคิดของเรา สายตาของมนุษย์ ก็อาจมีข้อโต้แย้ง… ไม่ว่าจะผุดมาทางความคิด ที่ไม่ตรงกับความคิดและประสบการณ์ที่ผ่านๆมา หรือจิตใจภายใน ไม่ได้ดั่งใจ … ก็แน่นอนไม่มีอะไรได้ดั่งใจเราไปซะทุกอย่าง หรืออารมณ์ ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะเข้าใจหรือเห็นชอบ … แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ตามสิ่งเหล่านั้นต้องไม่มีผลต่อการยืนในบทบาทที่พระเจ้า มอบหมายกับเรา มันเป็นความรับผิดชอบตรงที่เราต้องมีต่อพระเจ้า

หากพระเจ้าเรียกเราให้สนับสนุนหรือมอบหมายภาระกิจแห่งการสนับสนุนให้กับเรา ไม่ว่าจะเป็นด้านใดหรืองานใดก็ตาม หน้าที่ของเราคือ… เรียนรู้ที่จะสนับสนุน (ซึ่งไม่ง่ายนัก)

 

หน้าที่ผู้สนับสนุน

แท้จริงในทุกงานพันธกิจมีการสนับสนุนและนำในตัวของมันเองอยู่แล้ว มันอาจจะนำในบางเรื่องบางเวลา แต่มันก็สนับสนุนในบางด้าน ตัวอย่างเช่น ผู้เทศนาเป็นผู้นำคนในคริสตจักรแต่งานของเขาคือสนับสนุนคนให้เดินติดตามพระเจ้าอย่างมั่นคงด้วยคำเทศนาและชีวิต , งานนมัสการเป็นงานเบื้องหน้าที่นำคนทั้งหลายเข้าเฝ้าและพบพระเจ้า แต่ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนบรรยากาศฝ่ายวิญญาณที่พระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังเคลื่อนไหว , งานอธิษฐานเป็นงานสนับสนุนผู้นำ แต่ก็เป็นงานที่ส่วนใหญ่ต้องอธิษฐานนำหน้าเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นโดยการ เคลื่อนของพระวิญญาณบริสุทธิ์…

ดังนั้นหากจะถามหาเกียรติ จึงไม่มีงานใดด้อยกว่าหรือเด่นกว่างานใด เพราะเกียรติทั้งสิ้นไม่ได้ข้องเกี่ยวกับโลกแต่ต้องเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งหมด ผู้ที่มักแบ่งชนชั้นว่างานใดสมควรได้รับเกียรติมากกว่างานใด ผู้นั้นก็มุ่งหาเกียรติให้กับตนเอง และยังกักเก็บพระเกียรติซึ่งเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าไว้กับตนเองด้วยซ้ำ คนเหล่านี้จึงล้มลงในความหยิ่งในท้ายที่สุด เหมือนดังเช่นทูตสวรรค์ที่งดงามอย่างลูซิเฟอร์กลับกลายเป็นมารซาตานเพราะ เก็บกักเกียรตินั้นไว้กับตนมิใช่หรือ??

เราต่างต้องทำการสนับสนุนและนำในส่วนของเราทั้งสิ้น โดยสนใจสิ่งหลักสิ่งเดียวคือ พระเจ้าต้องการให้เราทำเช่นใด อะไรบ้าง บางครั้งเราไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่พระเจ้าวางเราไว้ได้ ทั้งที่เราก็อุตส่าห์และตั้งใจยืนในจุดที่พระเจ้าวางเราไว้แท้ๆ นั่นเพราะ… การขัดขวางจากองค์ประกอบที่เราควบคุมไม่ได้ ทำให้เราไขว้เขว เช่น คำวิพากษ์วิจารณ์ การแคร์สายตาผู้อื่นมากเกินไป (เกินกว่าสายตาพระเจ้า) อารมณ์ของเราเองที่ชอบ ไม่ชอบ ความคิดเห็นของผู้อื่นและตัวเราเอง ประสบการณ์ในอดีต หรือแม้แต่การเห็นในจุดอ่อนของผู้ที่นำหรือตามเรา … สิ่งเหล่านี้ล้วนเบนความสนใจจากเป้าหมายหลักที่พระเจ้าเรียกเราแต่แรกเริ่ม ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรระวังมากๆ เช่น พระเจ้าเรียกให้อธิษฐานเผื่อใครสักคน แต่เมื่อเห็นพฤติกรรมที่ไม่น่ารักของเขาและไม่สอดคล้องกับสิ่งที่พระเจ้า เรียกให้อธิษฐานเผื่อเอาเสียเลย ก็ส่งผลให้หยุดที่จะทำต่อไป , หรือพระเจ้าเคลื่อนให้รักษาโรคแต่กลับมองหาคนป่วยไม่เจอหรือมองว่ามันเป็น โรคที่ยากเกินไป จึงไม่ทำ … *** แท้จริงการสนับสนุนคือการเชื่อฟังพระเจ้าอย่างเคร่งครัดอย่างหนึ่งด้วย โดยต้องวางสิ่งทั้งปวงดังกล่าาวลงและเดินตามเท่านั้นเป็นพอ ***

แท้จริงเราควรยืนในบทบาทและตำแหน่งที่พระเจ้าตั้งเราไว้ในแต่ละคน เมื่อนำมาประกอบกันก็จะเกิดความสมบูรณ์ดั่งเช่นอวัยวะประกอบเป็นกายเดียวกัน หากปราศจากซึ่งการให้เกียรติกันและกันแล้ว แม้นำมาประกอบกันสมบูรณ์ครบถ้วน ก็จะขาดความเป็นหนึ่งเดียวกันหรือกายเดียวกัน เหมือนเอาแขนของคนอื่น เอาหัวของอีกคน เอาขาของอีกคนมาประกอบกัน  ดังนั้นก็ขาดพลัง

ภาพนี้ใช้ได้ตั้งแต่ระดับย่อยจนถึงใหญ่ หมายถึงทุกระดับ ไม่ว่าจะส่วนตัว ครอบครัว คริสตจักร ประเทศ หรือแม้แต่ระดับโลก

140613

0Shares