อย่าตัดสินก่อนไต่สวน

By | 2014/10/24

คำตัดสินต้องมาหลังจากการสอบสวน
เพราะพระเจ้าจะแก้ต่างให้แก่ผู้ชอบธรรม

ตัวอย่าง

พระเยซูก่อนถูกตรึงก็ถูกสอบสวน

มธ.27:11-14
27:11 เมื่อพระเยซูทรงยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าเมือง เจ้าเมืองจึงถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของพวกยิวหรือ” พระเยซูตรัสกับท่านว่า “ก็ท่านว่าแล้วนี่”
27:12 แต่เมื่อพวกปุโรหิตใหญ่และพวกผู้ใหญ่ได้ฟ้องกล่าวโทษพระองค์ พระองค์มิได้ทรงตอบประการใด
27:13 ปีลาตจึงกล่าวแก่พระองค์ว่า “ซึ่งเขาได้กล่าวความปรักปรำท่านเป็นหลายประการนี้ ท่านไม่ได้ยินหรือ”
27:14 แต่พระองค์ก็มิได้ตรัสตอบท่านสักคำเดียว เจ้าเมืองจึงอัศจรรย์ใจยิ่งนัก

มก.15:2-5
15:2 ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของพวกยิวหรือ” พระองค์ตรัสตอบท่านว่า “ท่านว่าแล้วนี่”
15:3 ฝ่ายพวกปุโรหิตใหญ่ได้ฟ้องกล่าวโทษพระองค์เป็นหลายประการ แต่พระองค์ไม่ตรัสตอบประการใด
15:4 ปีลาตจึงถามพระองค์อีกว่า “ท่านไม่ตอบอะไรหรือ ดูเถิด เขากล่าวความปรักปรำท่านหลายประการทีเดียว”
15:5 แต่พระเยซูมิได้ตรัสตอบประการใดอีก ปีลาตจึงอัศจรรย์ใจ

ลก.23:3-5
23:3 ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของพวกยิวหรือ” พระองค์ตรัสตอบท่านว่า “ก็ท่านว่าแล้วนี่”
23:4 ปีลาตจึงว่าแก่พวกปุโรหิตใหญ่กับประชาชนว่า “เราไม่เห็นว่าคนนี้มีความผิด”
23:5 เขาทั้งหลายยิ่งกล่าวแข็งแรงว่า “คนนี้ยุยงพลเมืองให้วุ่นวาย และสั่งสอนทั่วตลอดยูเดีย ตั้งแต่กาลิลีจนถึงที่นี่”

ยน.18:33-38
18:33 ปีลาตจึงเข้าไปในศาลปรีโทเรียมอีก และเรียกพระเยซูมาทูลถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของพวกยิวหรือ”
18:34 พระเยซูตรัสตอบท่านว่า “ท่านถามอย่างนั้นแต่ลำพังท่านเองหรือ หรือมีคนอื่นบอกท่านถึงเรื่องของเรา”
18:35 ปีลาตทูลตอบว่า “เราเป็นยิวหรือ ชนชาติของท่านเองและพวกปุโรหิตใหญ่ได้มอบท่านไว้กับเรา ท่านทำผิดอะไร”
18:36 พระเยซูตรัสตอบว่า “อาณาจักร ของเรามิได้เป็นของโลกนี้ ถ้าอาณาจักรของเรามาจากโลกนี้ คนของเราก็จะได้ต่อสู้ไม่ให้เราตกในเงื้อมมือของพวกยิว แต่บัดนี้อาณาจักรของเรามิได้มาจากโลกนี้”
18:37 ปีลาตจึงทูลถามพระองค์ว่า “ถ้าเช่นนั้นท่านเป็นกษัตริย์หรือ” พระเยซูตรัสตอบว่า “ท่าน พูดว่าเราเป็นกษัตริย์ เพราะเหตุนี้เราจึงเกิดมาและเข้ามาในโลก เพื่อเราจะเป็นพยานถึงความจริง คนทั้งปวงซึ่งอยู่ฝ่ายความจริงย่อมฟังเสียงของเรา”
18:38 ปีลาตทูลถามพระองค์ว่า “ความจริงคืออะไร” เมื่อถามดังนั้นแล้วท่านก็ออกไปหาพวกยิวอีก และบอกเขาว่า “เราไม่เห็นคนนั้นมีความผิดแม้แต่น้อย

อานาเนียสัปฟีราก่อนตายด้วยฤทธิ์เดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็ถูกสอบสวน

กจ.5:1-11
5:1 แต่มีชายคนหนึ่งชื่ออานาเนียกับภรรยาชื่อสัปฟีราได้ขายที่ดินของตน
5:2 และเงินค่าที่ดินส่วนหนึ่งเขายักเก็บไว้ ภรรยาของเขาก็รู้ด้วย และอีกส่วนหนึ่งเขานำมาวางไว้ที่เท้าของอัครสาวก
5:3 ฝ่ายเปโตรจึงถามว่า “อานาเนีย เหตุไฉนซาตานจึงทำให้ใจของเจ้าเต็มไปด้วยการมุสาต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ และทำให้เจ้าเก็บค่าที่ดินส่วนหนึ่งไว้
5:4 เมื่อที่ดินยังอยู่ก็เป็นของเจ้ามิใช่หรือ เมื่อขายแล้วเงินก็ยังอยู่ในอำนาจของเจ้ามิใช่หรือ มีเหตุอะไรเกิดขึ้นให้เจ้าคิดในใจเช่นนั้นเล่า เจ้ามิได้มุสาต่อมนุษย์แต่ได้มุสาต่อพระเจ้า”
5:5 เมื่ออานาเนียได้ยินคำเหล่านั้นก็ล้มลงตาย และเมื่อคนทั้งปวงได้ยินเรื่องก็พากันสะดุ้งตกใจกลัวอย่างยิ่ง
5:6 พวกคนหนุ่มก็ลุกขึ้นห่อศพเขาไว้แล้วหามเอาไปฝัง
5:7 หลังจากนั้นประมาณสามชั่วโมง ภรรยาของเขายังไม่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเข้าไป
5:8 ฝ่ายเปโตรถามนางว่า “เจ้าขายที่ดินได้ราคาเท่านั้นหรือ จงบอกเราเถิด” หญิงนั้นจึงตอบว่า “ได้เท่านั้นเจ้าค่ะ”
5:9 เปโตรจึงถามนางว่า “ไฉนเจ้าทั้งสองได้พร้อมใจกันทดลองพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าเล่า จงดูเถิด เท้าของพวกคนที่ฝังศพสามีของเจ้าก็อยู่ที่ประตู และเขาจะหามศพของเจ้าออกไปด้วย”
5:10 ในทันใดนั้นนางก็ล้มลงตายแทบเท้าของเปโตร และพวกคนหนุ่มได้เข้ามาเห็นว่าหญิงนั้นตายแล้ว จึงได้หามศพออกไปฝังไว้ข้างสามีของนาง
5:11 ความเกรงกลัวอย่างยิ่งเกิดขึ้นในคริสตจักร และในหมู่คนทั้งปวงที่ได้ยินเหตุการณ์นั้น

หญิงมีบุตรทั้ง 2 ก่อน ซาโลม่อนตัดสิน ก็ถูกสอบสวน

1 พกษ.3:16 – 28
3:16 แล้วหญิงแพศยาสองคนมาเฝ้ากษัตริย์ และยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์
3:17 หญิงคนหนึ่งทูลว่า “โอ ข้าแต่เจ้านายของข้าพระองค์ ข้าพระองค์และผู้หญิงคนนี้อาศัยอยู่ในเรือนเดียวกัน และข้าพระองค์ก็คลอดบุตรคนหนึ่งขณะที่นางนั้นอยู่ในเรือน
3:18 ต่อมาเมื่อข้าพระองค์คลอดบุตรได้สามวันแล้ว นางคนนี้ก็คลอดบุตรด้วย และข้าพระองค์ทั้งสองอยู่ด้วยกัน ไม่มีผู้ใดอยู่กับข้าพระองค์ทั้งสองในเรือนนั้น ข้าพระองค์ทั้งสองนั้นอยู่ในเรือนนั้น
3:19 แล้วบุตรของหญิงคนนี้ก็ตายเสียในกลางคืน ด้วยเขานอนทับ
3:20 พอเที่ยงคืนนางก็ลุกขึ้น และเอาบุตรชายของข้าพระองค์ไปเสียจากข้างข้าพระองค์ ขณะที่สาวใช้ของพระองค์หลับอยู่ และวางเขาไว้ในอกของเธอ และเธอเอาบุตรของเธอที่ตายแล้วนั้นไว้ในอกของข้าพระองค์
3:21 เมื่อข้าพระองค์ตื่นขึ้นในตอนเช้าเพื่อให้บุตรของข้าพระองค์กินนม ดูเถิด เขาตายเสียแล้ว แต่เมื่อข้าพระองค์พินิจดูในตอนเช้า ดูเถิด เด็กนั้นไม่ใช่บุตรชายที่ข้าพระองค์คลอดมา”
3:22 แต่หญิงอีกคนหนึ่งพูดว่า “ไม่ใช่ เด็กที่เป็น เป็นบุตรชายของฉัน เด็กที่ตายเป็นบุตรชายของเจ้า” หญิงคนที่หนึ่งพูดว่า “ไม่ใช่ เด็กที่ตายเป็นบุตรชายของเจ้า และเด็กที่เป็น เป็นบุตรชายของฉัน” เขาทั้งสองพูดกันดังนี้ต่อพระพักตร์กษัตริย์
3:23 แล้วกษัตริย์ตรัสว่า “คนหนึ่งพูดว่า ‘คนนี้เป็นบุตรชายของฉัน คือเด็กที่เป็นอยู่ และบุตรชายของเจ้าตายเสียแล้ว’ และอีกคนหนึ่งพูดว่า ‘ไม่ใช่ แต่บุตรชายของเจ้าตายเสียแล้ว และบุตรชายของฉันเป็นคนที่มีชีวิต’”
3:24 และกษัตริย์ตรัสว่า “เอาดาบมาให้เราเล่มหนึ่ง” เขาจึงเอาดาบมาไว้ต่อพระพักตร์กษัตริย์
3:25 และกษัตริย์ตรัสว่า “จงแบ่งเด็กที่มีชีวิตนั้นออกเป็นสองท่อน และให้คนหนึ่งครึ่งหนึ่ง และอีกคนหนึ่งครึ่งหนึ่ง”
3:26 แล้วหญิงคนที่บุตรของตนยังมีชีวิตอยู่นั้นทูลกษัตริย์ เพราะว่าจิตใจของเธออาลัยในบุตรชายของเธอ เธอว่า “โอ ข้าแต่เจ้านายของข้าพระองค์ ขอทรงมอบเด็กที่มีชีวิตนั้นให้เขาไป และถึงอย่างไรก็ดีอย่าทรงฆ่าเสีย” แต่หญิงอีกคนหนึ่งว่า “อย่าให้ฉันเป็นเจ้าของหรือของฉัน ขอทรงแบ่งเถิดเพคะ”
3:27 แล้วกษัตริย์ตรัสตอบเขาว่า “จงให้เด็กที่มีชีวิตนั้นแก่คนนั้น อย่าฆ่าเสียเลย นางเป็นมารดาของเด็กนั้น”
3:28 อิสราเอลทั้งปวงได้ยินเรื่องการพิพากษา ซึ่งกษัตริย์ประทานการพิพากษานั้น และเขาทั้งหลายก็เกรงกลัวกษัตริย์ เพราะเขาทั้งหลายประจักษ์ว่า พระสติปัญญาของพระเจ้าอยู่ในพระองค์ที่จะทรงวินิจฉัย
.
.
.

การสอบสวนเป็นกระบวนการหนึ่งบนโลก ที่เปิดโอกาสหยิบยื่นหัวใจพระบิดาออกไป เป็นการแสดงความไร้ซึ่งอคติ แต่ปรารถนาจะให้ความจริงเท่าที่มนุษย์พอจะทำได้ ถูกเปิดออก เพื่อไม่ให้บาปหรือโลหิตย้อนกลับมาฟ้องผู้ที่กล่าวหา และให้ความเป็นธรรมด้วยการไม่หมิ่นประมาทคุณค่าของผู้ถูกกล่าวหา

ที่บัลลังก์พิพากษา แม้พระเจ้าเป็นผู้ที่มีสิทธิอำนาจสิทธิขาดตัดสินในทันที ก็ยังให้เรารายงานชีวิตบนโลก ผ่านหนังสือชีวิต

วว.20:11-15
20:11 ข้าพเจ้าได้เห็นพระที่นั่งใหญ่สีขาว และเห็นพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้น และแผ่นดินโลกและฟ้าอากาศก็อันตรธานไปจากพระพักตร์พระองค์ และไม่มีที่อยู่สำหรับแผ่นดินโลกและฟ้าอากาศนั้นต่อไปเลย
20:12 ข้าพเจ้าได้เห็นบรรดาผู้ที่ตายแล้ว ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย ยืนอยู่จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า และหนังสือต่าง ๆ ก็เปิดออก หนังสืออีกม้วนหนึ่งก็เปิดออกด้วย คือหนังสือแห่งชีวิต และผู้ที่ตายไปแล้วก็ถูกพิพากษาตามข้อความที่จารึกไว้ในหนังสือเหล่านั้น ตามที่เขาได้กระทำ
20:13 ทะเลก็ส่งคืนคนทั้งหลายที่ตายในทะเล ความตายและนรกก็ส่งคืนคนทั้งหลายที่อยู่ในที่เหล่านั้น และคนทั้งหลายก็ถูกพิพากษาตามการกระทำของตนหมดทุกคน
20:14 แล้วความตายและนรกก็ถูกผลักทิ้งลงไปในบึงไฟ นี่แหละเป็นความตายครั้งที่สอง
20:15 และผู้ใดที่ไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิต ผู้นั้นก็ถูกทิ้งลงไปในบึงไฟ

เพราะพระเจ้าเป็นผู้เดียวที่มีสิทธิตัดสิน ทรงรู้ครบทุกฝ่าย ทุกด้าน ทุกมุม ทุกมิติเวลา อย่างไม่มีสิ่งใดสามารถปิดซ่อน หรือ ซ่อนเร้นได้ ไม่สามารถบิดพลิ้ว หรือ บิดเบือนได้  ทรงมีความสามารถอย่างเต็มเปี่ยมและสมบูรณ์ที่จะตัดสินโทษและให้อภัยยกบาป  แต่ก็ยังทรงให้โอกาสกับเราทุกครั้งก่อนการตัดสินเสมอ

 

อย่าตัดสินก่อนไต่สวน

1.    หลายครั้งเรายืนอยู่ในจุดที่ต้องตัดสินผู้อื่น ทั้งด้วยความจำเป็น ในแง่บทบาทหน้าที่ หรืออื่นใดก็ตาม สิ่งที่เราควรพิจารณาอย่างตระหนักถี่ถ้วนคือ การเสาะหาข้อมูลจากทุกฝ่ายก่อนที่จะตัดสินลงไป

2.    เมื่อใดก็ตามที่ตัดสินผู้อื่นลงไปแล้ว นั่นหมายถึง…กำลังทำหน้าที่ของพระเจ้า (แท้จริงพระเจ้าไม่ได้ให้สิทธินั้นแก่มนุษย์คนใดเลย!!! แต่ในกรณีเป็นผู้นำ ผู้ปกครองบ้านเมือง การมีกฏระเบียบ ย่อมทำให้มีการตัดสินตามมาด้วยบนบรรทัดฐานของสังคม) ซึ่งการเปิดหรือปิดการหยิบยื่นโอกาส ย่อมสะท้อนถึงพระลักษณะพระเจ้า ดังนั้นอย่าใช้ดาบในมือ ด้วยการปิดปากผู้ชอบธรรมตามใจตนเอง พึงระลึกเสมอว่า แค่ยืนในจุดที่ต้องตัดสินก็อันตรายแล้ว หากทำด้วยความไม่ระมัดระวังยิ่งนำความอันตรายมากขึ้นอีก ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น

3.    เราต่างรู้ว่าอย่าตัดสินผู้อื่น เพื่อรักษาระวังตนเองที่จะไม่พลาด แล้วก็รวมถึงอย่ายืมมือผู้อื่นทำด้วย (เพราะมันเป็นเพียงเล่ห์เหลี่ยมของมนุษย์ มีหรือ??? พระเจ้าจะตรวจค้นไม่พบ) ใครหรือ? จะซ่อนจากพระเจ้าได้ ทรงตรวจสอบและมองดู ทรงเห็นและรู้ ทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลัง เบื้องลึกด้วยเช่นกัน

มธ.7:1 “อย่ากล่าวโทษเขา เพื่อท่านจะไม่ต้องถูกกล่าวโทษ

ลก.6:37-38
6:37 อย่า วินิจฉัยโทษเขา และท่านทั้งหลายจะไม่ได้ถูกวินิจฉัยโทษ อย่ากล่าวโทษเขา และท่านทั้งหลายจะไม่ถูกกล่าวโทษ จงยกโทษให้เขา และท่านจะได้รับการอภัยโทษ
6:38 จง ให้ และท่านจะได้รับด้วย และในตักของท่านเขาจะตวงด้วยทะนานถ้วนยัดสั่นแน่นพูนล้นใส่ให้ เพราะว่าท่านจะตวงให้ด้วยทะนานอันใด จะตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น”

1 คร.4:5 เหตุฉะนั้นท่านอย่าตัดสินสิ่งใดก่อนที่จะถึงเวลาจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะ เสด็จมา พระองค์จะทรงเปิดเผยความลับที่ซ่อนอยู่ในความมืดให้แจ่มกระจ่าง และจะทรงเผยความในใจของคนทั้งปวงด้วย เมื่อนั้นทุกคนจะได้รับคำชมเชยจากพระเจ้า

4.    อย่าให้โลหิตของผู้ที่ถูกกล่าวหา ฟ้องผู้ที่อยู่ในบทบาทและตำแหน่งตัดสิน (ของโลก) ด้วยการปิดโอกาสการแก้ต่าง , ด้วยใจอคติ , ด้วยเสียงข้างมากหรือเสียงรอบข้าง , ด้วยเหตุผลต่างๆ นาๆ ของขนบธรรมประเพณี , ด้วยคำตัดสินที่ตั้งไว้ก่อนการสอบสวนหรือสืบหา หรือแม้แต่ด้วยความกลัว (การขาดความมั่นคง) ของผู้ตัดสินเอง

21/07/2014 09:13

0Shares