นรก : พื้นที่ระหว่างนรกกับสวรรค์

By | 2014/01/27

♥ หัวใจที่รู้สึกหนักหน่วง เหมือนอยากจะร้องไห้และอึดอัด พระเยซูทรงปรากฏอยู่เบื้องหน้า
ข้าพเจ้าหยุดร้องไห้ แล้วบอกพระองค์ว่า : “จะไปต่อไหวไหมคะ ข้าพระองค์ยังไม่อยากหยุด อยากไปต่อทุกที่ทุกสิ่งที่ทรงพาไป นำไป ทรงอยู่ด้วย” แต่มันเหนื่อยล้าเสียเหลือเกิน

พระเยซูทรงเดินต่อไปข้างหน้าทันที ข้าพเจ้ารีบลุกขึ้นก้าวเท้าออกไป ด้วยกลัวว่าจะต้องอยู่แต่ลำพัง

ณ ที่แห่งหนึ่งมองไปเบื้องหน้าสุดสายตาเห็นแต่เขาหัวโล้นสีน้ำตาล แลดูแสนแห้งแล้ง ร้อนผ่าวๆ ระอุมาตามลมปะทะใบหน้า ณ จุดที่ยืนเป็นเพียงไอปลายๆ ที่พัดมาจากเขาลูกนั้น ยังสัมผัสได้ขนาดนี้ ทำให้รับรู้ทันทีว่าที่เขาหัวโล้นเบื้องหน้านั้นต้องเต็มไปด้วยความร้อนที่แสนทรมานเป็นแน่ ภายในข้าพเจ้ารู้ทันทีว่าที่นั่นคือ … นรก…  ท้องฟ้าที่ปกคลุมส่วนเขาลูกนั้นทมึนๆ เหมือนเวลาฝนจะตก ขมุกขมัว ไม่มีแสง มีแต่ความทมึนทึม แต่ท้องฟ้าในฝั่งที่ข้าพเจ้ายืนก็สว่างเป็นปกติเหมือนกลางวัน ไม่ร้อนมาก เสียงกรีดร้องโหยหวนดังสนั่นกึกก้องสะท้อนไปทั่วดินแดนนั้น เสียงเหล่านั้นทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกได้ด้วยภายในว่า ต้องการความช่วยเหลือเป็นอย่างมาก เสียงเหล่านั้นฟังไม่ได้ศัพท์ แม้จะอยู่ไกลมากแต่ก็ดังระงมจนแสบแก้วหูไปหมด เป็นเสียงที่ไม่น่าฟัง แต่ข้าพเจ้ามองไม่เห็นแหล่งที่มาของเสียง รู้แต่ว่ามาจากข้างในเขาหัวโล้นลูกนั้น

จากเขาหัวโล้นจนถึงจุดที่ข้าพเจ้ายืนมีหุบเหวลึกไม่มีที่สิ้นสุดกั้นอยู่ ระยะห่างระหว่างเขาลูกนั้นถึงจุดที่ข้าพเจ้ายืนช่างห่างไกลกันจนไม่สามารถมีใคร หรือสิ่งใดข้ามมาได้

พระเยซู : “ใครหรือจะข้ามมาได้ มันช่างห่างไกลจนกระทั่งไม่มีใครสามารถข้ามมาได้ เหวลึกไม่มีที่สิ้นสุดขวางกั้นทางไว้ ผู้พยายามหลีกหนีจากนรกก็ทำไม่ได้ เขาจะตกลงไปในเหวนั้นและกลับสู่นรกนิรันดร แม้สัตว์ปีกก็ไม่สามารถบินข้ามฝั่งมาด้วยยาวไกลเกินกำลัง คนที่อยู่ในนรกไม่มีแม้แต่กำลังจะยืนขึ้นด้วยขา ความร้อนแรง น่าขยะแขยงดึงพวกเขาให้อยู่ใน สภาพสิ้นไร้ไม้ต่อ ทำได้เพียงร้องโอดครวญ จากแรงเฮือกสุดท้าย ยิ่งร้องยิ่งทรมาน ยิ่งทรมานยิ่งร้องขอ แต่จะมีประโยชน์อันใดเล่าในเมื่อเขาออกมาไม่ได้อีกต่อไป พวกเขาไม่กลับใจใหม่ผยองลำพองแม้ในนรกที่ไร้ซึ่งกำลังแม้จะกระดิกนิ้ว เขาก็ยังเป็นเช่นนั้น “ แล้วพระเยซู หันมาหาข้าพเจ้า ตรัสว่า “มองดูรอบๆ ตัวเจ้าสิ ที่นี่ไม่มีใครเลย”

ข้าพเจ้ามองดูรอบๆ ตัว…. ใช่แล้ว ที่นี่มีเพียงลำพังข้าพเจ้ากับพระองค์ ไม่ว่าจะไปสวรรค์ หรือนรก ข้าพเจ้ามักพบผู้คนและบรรดาทูตสวรรค์ แต่ที่นี่… ไม่มีใครเลยจริงๆ มันดูเงียบและสงบ เหมือนเป็นแผ่นดินที่กั้นขวางกลางเพื่อแยกระหว่างนรกกับสวรรค์ไว้

เมื่อข้าพเจ้ามองไปเบื้องหน้าที่ไกลโพ้นเขาหัวโล้นนั่นคือนรกเป็นแน่  เมื่อหันหลังสวรรค์ก็ตั้งอยู่ไกลๆ ด้วยเช่นกัน เป็นความแตกต่างโดยสิ้นเชิง

พระเยซู : “เมื่อโลกถูกทำลาย เอเดนก็ถูกทำลายไปด้วย ดังนั้นเครูบที่เฝ้าเอเดน จะมียืนตรงจุดนี้ที่เจ้ายืนอยู่เพื่อเฝ้าไว้แทนเอเดน”


ในขณะที่ข้าพเจ้ายังคงยืนอยู่กับพระเยซู

พระองค์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าเรื่องอื่นๆ ต่อไป

พระเยซู : “ใครจะรู้ว่าแท้จริงคาทอลิค อาจดำเนินการคริสตจักรตามน้ำพระทัยของเราก็ได้”
ข้าพเจ้า : “แต่เขาไม่ได้เคลื่อนตามยุคของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เป็นไปในแต่ละยุคนะคะ”
พระเยซู : “แนวทางของศิษยาภิบาลควรเป็นอย่างบาทหลวง คือไม่ยุ่งเกี่ยวใดๆ กับงานบริหารใดๆ เลย เขามีหน้าที่อยู่กับฝ่ายวิญญาณเตรียมคำสอนตามบัญญัติของเราเท่านั้น แท้จริงศิษยาภิบาลก็เหมือนปุโรหิตที่เป็นคนสั่งสอนพระคำ เหมือนอาโรนที่อยู่ต่อเราเท่านั้นและกล่าวถ้อยคำของเราแก่ประชากร โมเสสทำงานบริหาร พาคน นำคนเป็นล้านๆ เพื่อเข้าคานาอัน หากเป็นยุคนี้ก็เหมือนคณะผู้ปกครองคริสตจักร  แม้เราเรียกโมเสสเจาะจงในการมารับบัญญัติ แต่โมเสสก็นำบัญญัตินั้นมอบให้อาโรนทำต่อไป การที่เราเรียกโมเสสครั้งนั้นเป็นการเฉพาะเจาะจงสำหรับเหตุการณ์นั้นเท่านั้น ศิษยาภิบาลควรเทศนาตามเนื้อหาที่พระเจ้าทรงนำและตามการใคร่ครวญอยู่กับพระเจ้า ไม่ขึ้นกับสถานการณ์ เพราะไม่ข้องเกี่ยวกับสถานการณ์ ไม่รับรู้ความเป็นไปจากมนุษย์และรอบข้าง แต่รับรู้จากพระเจ้าเท่านั้น จึงจะไม่มีการปนเปื้อนจากสิ่งที่ตาเห็น หูได้ยิน ส่วนคนที่มาคริสตจักรก็ต้องฟังและรับเอง เป็นการตอบสนองพระเจ้าของเขาเอง เหมือนดั่งประชากรอิสราเอลต้องฟังบัญญัติ”

เมื่อถึงตรงนี้ข้าพเจ้าพอมองภาพออกแล้วว่า ทำไมถึงมีบางคนก็หลงทิศ เพราะต้องทำในสิ่งที่เป็นส่วนงานบริหารด้วยนั่นเอง มีความเกรงใจ มีการประมวลผลต่างๆ ตามความคิด มีการลงมตินั่นเอง
พระเยซู : “นี่แหละ หากเป็นเช่นนั้น พลังแห่งความตายจึงมีชัยเหนือคริสตจักรอย่างแท้จริง”

ในระหว่างที่ข้าพเจ้าค่อยๆ ซึมซับในสิ่งที่พระเยซูตรัสอยู่นั้น ทรงเอ่ยขึ้น : “ลูกเอ๋ย…หัวเชื้อยิ่งแรงการเจือจางยิ่งต้องใช้ปริมาณมาก หัวเชื้อยิ่งแรงเท่าไร ยิ่งต้องใช้น้ำผสมเข้าไปเพื่อเจือจางมากเท่าไรนั้น ต้องใช้น้ำจำนวนมากเท่าไร นั่นคือคุณภาพของหัวเชื้อเท่านั้น หากมีคนหนึ่งทำบาปแล้วอีกคนหนึ่งเป็นเพียงน้ำเหมือนกันจะทำให้น้ำนั้นเน่าเสียทันที แต่หากเป็นหัวเชื้อ โอกาสจะยากยิ่งกว่า เช่นเดียวกับ เชื้อน้ำส้มสายชู ยิ่งหัวเชื้อแรงมากอาจต้องใช้น้ำถึง 10 ส่วน หรือ 100 ส่วน จึงจะได้น้ำส้มสายชูที่พอเหมาะในการกินได้  หากคนนึงทำผิด แทนน้ำ 1 ส่วน แต่หัวเชื้อแรงก็ไม่มีผลต่อภาพรวมเท่าไร ดังนั้นจงเป็นดั่งหัวเชื้อที่แรงจนกระทั่งกลบส่วนนั้น เพราะบาปบางอย่าง ลักษณะบางอย่างห้ามเด็ดขาดสำหรับบางงานหรือการทรงเรียก แต่จงเป็นหัวเชื้อเพื่อแก้ไขบรรยากาศฝ่ายวิญญาณภาพรวม ด้วยว่าไม่ใช่ส่วนที่เจ้าจะทำ แต่เราได้เปิดเผยกับเจ้าเอง จงบอกสิ่งนี้แก่พวกเขา… “

ข้าพเจ้าอธิษฐานสารภาพบาปและเป็นตัวแทนสารภาพบาปแทน

ทันทีที่สิ้นสุดการอธิษฐาน ข้าพเจ้ากลับมายืนที่เดิมกับพระเยซูอีกครั้ง ณ ที่กั้นระหว่างนรกกับสวรรค์ ขณะนั้นเองมีม้าสีขาวตัวใหญ่สง่า ไม่มีปีก แต่มันวิ่งลงมาจากฟากฟ้าตรงมาสู่เราทั้ง 2 พระเยซูทรงขึ้นไปขี่มันพร้อมจับมือข้าพเจ้าขึ้นนั่งบนตักซ้ายของพระองค์ ม้าได้วิ่งไปบนอากาศพาเราออกจากที่นี่ ในขณะที่ม้าวิ่งนี้สีของมันเปลี่ยนเป็นสีเทา

19/01/2014 11:40

0Shares