Category Archives: สะท้อน bible

○ ข้อคิด บทเรียนที่ข้าพเจ้าได้รับจากพระคัมภีร์

ความเชื่อที่ต้องเติบโตขึ้น

เปโตรต้องโตขึ้นในความเชื่อ ลก.5:4-6 5:4 เมื่อพระองค์ตรัสสอนเสร็จแล้ว จึงตรัสแก่ซีโมนว่า “จงถอยออกไปที่น้ำลึกหย่อนอวนต่าง ๆ ลงจับปลา” 5:5 ซีโมนทูลตอบพระองค์ว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ข้าพระองค์ทั้งหลายทอดอวนคืนยังรุ่ง ไม่ได้อะไรเลย แต่ข้าพระองค์จะหย่อนอวนลงตามพระดำรัสของพระองค์” 5:6 เมื่อเขาหย่อนลงแล้ว ก็ล้อมปลาไว้เป็นอันมาก จนอวนของเขาขาด เมื่อเปโตรยังไม่เคยรู้จักพระเยซู ความเชื่อยังไม่มี แต่ก็ก้าวออกไปก่อนด้วยความเชื่อฟัง นั่นก็เพียงพอที่จะเห็นอัศจรรย์ของพระเยซูแล้ว   ความเชื่อที่ต้องเติบโตขึ้น มธ.14:25-32 14:25 ครั้นเวลาสามยามเศษ พระเยซูจึงทรงดำเนินบนน้ำทะเลไปยังเหล่าสาวก 14:26 เมื่อเหล่าสาวกเห็นพระองค์ทรงดำเนินมาบนทะเล เขาก็ตกใจนัก พูดกันว่า “เป็นผี” เขาจึงร้องอึงไปเพราะความกลัว 14:27 ในทันใดนั้นพระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงชื่นใจเถิด คือเราเอง อย่ากลัวเลย” 14:28 ฝ่ายเปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์เดินบนน้ำไปหาพระองค์” 14:29 พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เมื่อเปโตรลงจากเรือแล้ว เขาก็เดินบนน้ำไปหาพระเยซู 14:30 แต่เมื่อเขาเห็นลมพัดแรงก็กลัว และเมื่อกำลังจะจมก็ร้องว่า “พระองค์เจ้าข้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย” 14:31… Read More »

ถ้าทรงใช้…จะเตรียมสิ่งต่างๆ เพื่อเราเอง

ลก.9:1-6 9:1 พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนของพระองค์มาพร้อมกัน แล้วทรงประทานให้เขามีอำนาจและสิทธิอำนาจเหนือผีทั้งปวงและรักษาโรคต่าง ๆ ให้หาย 9:2 แล้วพระองค์ทรงใช้เขาไปประกาศอาณาจักรของพระเจ้า และรักษาคนเจ็บป่วยให้หาย 9:3 พระองค์จึงตรัสสั่งเขาว่า “อย่าเอาอะไรไปใช้ตามทาง เช่น ไม้ตะบอง หรือย่าม หรืออาหาร หรือเงิน หรือเสื้อคลุมสองตัว 9:4 และถ้าเข้าไปในเรือนไหน จงอาศัยอยู่ในเรือนนั้นจนกว่าจะไป 9:5 ผู้ใดไม่ต้อนรับพวกท่าน เมื่อท่านจะไปจากเมืองนั้น จงสะบัดผงคลีดินจากเท้าของท่านออกส่อให้เห็นความผิดของเขา” 9:6 เหล่าสาวกจึงออกไปตามเมืองต่าง ๆ ประกาศข่าวประเสริฐ และรักษาคนเจ็บป่วยทุกแห่งให้หาย ถ้าทรงใช้ จะเตรียมสิ่งต่างๆ เพื่อเราเอง   เมื่อพระเจ้าใช้เราออกไปย่อมเจิมด้วยสิทธิอำนาจที่ให้ออกไป เทียบเท่ากับพระเยซูทรงทำเอง อันเนื่องมาจากพระเยซูทรงทำเองผ่านตัวเรา แท้จริงมนุษย์ไม่ได้มีสิทธิอำนาจนั้น เว้นเสียแต่พระเยซูที่ทรงทำในตัวเราต่างหาก เหตุนี้พระองค์จึงตรัสสั่งห้ามเราจัดเตรียมสิ่งต่างๆ เพื่อตนเอง เนื่องจากเราจำเป็นต้องพึ่งพาพระเจ้า จำเป็นต้องให้พระเจ้าเป็นที่พึ่งเดียวของเรา ~ ไม่ใช่สิ่งที่เรามี = เสื้อผ้า อาหาร ~ ไม่ใช่สิ่งที่โลกนี้ให้ = เงินทอง ~ ไม่ใช่ความสามารถ =… Read More »

ความกลัวของเปโตร

มก.14:66-72 14:66 และขณะที่เปโตรอยู่ใต้คฤหาสน์ข้างล่างนั้น มีหญิงคนหนึ่งในพวกสาวใช้ของท่านมหาปุโรหิตเดินมา 14:67 เมื่อเห็นเปโตรผิงไฟอยู่เขาเขม้นดู แล้วพูดว่า “เจ้าได้อยู่กับเยซูชาวนาซาเร็ธด้วย” 14:68 แต่เปโตรปฏิเสธว่า “ที่เจ้าว่านั้นข้าไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจ” เปโตรจึงออกไปที่ระเบียงบ้าน แล้วไก่ก็ขัน 14:69 อีกครั้งหนึ่งสาวใช้คนหนึ่งได้เห็นเปโตร แล้วเริ่มบอกกับคนที่ยืนอยู่ที่นั่นว่า “คนนี้แหละ เป็นพวกเขา” 14:70 แต่เปโตรก็ปฏิเสธอีก แล้วอีกสักครู่หนึ่งคนทั้งหลายที่ยืนอยู่ที่นั่นได้ว่าแก่เปโตรว่า “เจ้าเป็นคนหนึ่งในพวกเขาแน่แล้ว ด้วยว่าเจ้าเป็นชาวกาลิลี และสำเนียงของเจ้าก็ส่อไปทางเดียวกันด้วย” 14:71 แต่เปโตรเริ่มสบถและสาบานว่า “คนที่เจ้าว่านั้นข้าไม่รู้จัก” 14:72 แล้วไก่ก็ขันเป็นครั้งที่สอง เปโตรจึงระลึกถึงคำที่พระเยซูตรัสไว้แก่เขาว่า “ก่อนไก่ขันสองหน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” เมื่อเปโตรหวนคิดขึ้นได้ก็ร้องไห้ มธ.26:69-75 26:69 ขณะนั้นเปโตรนั่งอยู่ภายนอกบริเวณคฤหาสน์นั้น มีสาวใช้คนหนึ่งมาพูดกับเขาว่า “เจ้าได้อยู่กับเยซูชาวกาลิลีด้วย” 26:70 แต่เปโตรได้ปฏิเสธต่อหน้าคนทั้งปวงว่า “ที่เจ้าว่านั้นข้าไม่รู้เรื่อง” 26:71 เมื่อเปโตรได้ออกไปที่ระเบียง สาวใช้อีกคนหนึ่งแลเห็นจึงบอกคนทั้งปวงที่อยู่ที่นั่นว่า “คนนี้ได้อยู่กับเยซูชาวนาซาเร็ธด้วย” 26:72 เปโตรจึงปฏิเสธอีก ด้วยคำสาบานว่า “ข้าไม่รู้จักคนนั้น” 26:73 อีกสักครู่หนึ่งคนทั้งหลายที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ นั้นก็มาว่าแก่เปโตรว่า “เจ้าเป็นคนหนึ่งในพวกนั้นแน่แล้ว ด้วยว่าสำเนียงของเจ้าก็ส่อตัวเจ้าเอง”… Read More »

ความปรารถนาที่มากขึ้นกับการเรียกร้องที่มากขึ้นเป็นเงาตามตัว

☆ เมื่อความเจ็บปวดปะทุขึ้น ประตูแห่งการเยียวยาก็เปิดออกตรงหน้าแล้ว… ☆ เมื่อเรียกหาพระเจ้า แผ่นดินของพระองค์ก็มาตั้งอยู่ตรงหน้าแล้ว… ☆ เมื่อร้องขอการช่วยกู้ พระเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์พระองค์ออกมาแล้ว ตรงหน้าเรา… แต่มนุษย์มักอยากรับในสิ่งที่ตนอยากได้ แต่ไม่พึงอยากจะจ่ายออก หรือสูญเสียสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย กอดรัดมันไว้แน่น แม้พระเยซูอยู่ตรงหน้าก็ตามที ลก.18:18-25 18:18 มีขุนนางผู้หนึ่งทูลถามพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ผู้ประเสริฐ ข้าพเจ้าจะทำประการใดจึงจะได้ชีวิตนิรันดร์เป็นมรดก” 18:19 พระเยซูตรัสถามคนนั้นว่า “ท่านเรียกเราว่าประเสริฐทำไม ไม่มีใครประเสริฐเว้นแต่พระเจ้าองค์เดียว 18:20 ท่าน รู้จักพระบัญญัติแล้วซึ่งว่า ‘อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา อย่าฆ่าคน อย่าลักทรัพย์ อย่าเป็นพยานเท็จ จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของตน’” 18:21 คนนั้นจึงทูลว่า “ข้อเหล่านี้ข้าพเจ้าได้ถือรักษาไว้ตั้งแต่เป็นเด็ก ๆ มา” 18:22 เมื่อพระเยซูทรงได้ยินอย่างนั้นพระองค์ตรัสแก่เขาว่า “ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายบรรดาสิ่งของซึ่งท่านมีอยู่และแจกจ่ายให้คนอนาถา ท่านจึงจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ แล้วจงตามเรามา” 18:23 แต่เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้นก็เป็นทุกข์นัก เพราะเขาเป็นคนมั่งมีมาก 18:24 เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นเขาเป็นทุกข์นัก พระองค์จึงตรัสว่า “คนมั่งมีจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าก็ยากจริงหนา 18:25 เพราะว่าตัวอูฐจะรอดรูเข็มก็ง่ายกว่าคนมั่งมีจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้า”   ความปรารถนาที่มากขึ้นกับการเรียกร้องที่มากขึ้นเป็นเงาตามตัว เศรษฐีจะรอดรูเข็มก็ยากเสียยิ่งกว่า… Read More »

บทเพลงของโมเสสและมิเรียม

อพย.15:1-21 15:1 ขณะนั้นโมเสสกับชนชาติอิสราเอลร้องเพลงบทนี้ ถวายพระเยโฮวาห์ว่า “ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายพระเยโฮวาห์ เพราะพระองค์ทรงได้ชัยชนะอย่างใหญ่หลวง พระองค์ทรงกวาดม้าและพลม้าลงในทะเล 15:2 พระเยโฮวาห์ทรงเป็นกำลังและเป็นบทเพลงแห่งข้าพเจ้า พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยให้ข้าพเจ้ารอด พระองค์นี่แหละเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ ทรงเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะยกย่องสรรเสริญพระองค์ 15:3 พระเยโฮวาห์ทรงเป็นนักรบ พระนามของพระองค์คือ พระเยโฮวาห์ 15:4 พระองค์ทรงเหวี่ยงรถรบ และโยนพลโยธาของฟาโรห์ลงในทะเล นายทหารรถรบชั้นยอดของฟาโรห์ก็จมในทะเลแดง 15:5 น้ำท่วมเขา เขาจมลงในทะเลที่ลึกประดุจก้อนหิน 15:6 โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระหัตถ์ขวาของพระองค์ทรงอานุภาพยิ่ง โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระหัตถ์ขวาของพระองค์ฟาดศัตรูแหลกเป็นชิ้นๆ 15:7 ด้วยเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์ทรงคว่ำปฏิปักษ์ของพระองค์เสีย พระองค์ทรงใช้พระพิโรธของพระองค์เผาผลาญเขาเสียอย่างตอฟาง 15:8 โดยลมที่ระบายจากช่องพระนาสิกน้ำก็ท่วมสูงขึ้นไป น้ำก็ท่วมท้นสูงขึ้น น้ำก็แข็งขึ้นในท้องทะเล 15:9 พวกข้าศึกกล่าวว่า ‘เราจะติดตาม เราจะจับให้ทัน เราจะริบสิ่งของมาแบ่งปันกัน เราจึงจะพอใจที่ได้กระทำกับพวกนั้นดังประสงค์ เราจะชักดาบออก มือเราจะทำลายเขาเสีย’ 15:10 พระองค์ทรงบันดาลให้ลมพัดมา น้ำทะเลก็ท่วมเขามิด เขาจมลงในกระแสน้ำอันไหลแรงนั้นเหมือนตะกั่ว 15:11 โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์… Read More »

ศิษย์ไม่ใหญ่กว่าครู

มธ.10:24-25 24 ศิษย์ไม่ใหญ่กว่าครู และทาสไม่ใหญ่กว่านายของตน 25 ซึ่ง ศิษย์จะได้เป็นเสมอครูของตน และทาสเสมอนายของตนก็พออยู่แล้ว ถ้าเขาได้เรียกเจ้าบ้านว่าเบเอลเซบูล เขาจะเรียกลูกบ้านของเขามากยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด ลก.6:40 40 ศิษย์ไม่ใหญ่กว่าครู แต่ศิษย์ทุกคนที่ได้รับการฝึกสอนครบแล้วก็จะเป็นเหมือนครูของตน หากโลกนี้เป็นเหมือนหนังจีนกำลังภายในที่ครูหรืออาจารย์มักเก็บวิชาสุดยอดไว้สำหรับตัวเอง เช่นมี 10 ถ่ายทอดได้ไม่เกิน 9 คงจะมีคนรุ่นถัดไปไม่เกิน 10 รุ่นก็ต้องล้มหายตายจากไปหมดแล้ว แต่โลกเราจนถึงทุกวันนี้กว่า 2,000 ปี (กว่ามากๆ หลายพันปี) พัฒนาการด้านต่างๆ กลับไปไกลมากขึ้น เร็วขึ้น หากศิษย์ใหญ่กว่าครูไม่ได้ ดีกว่าหรือเก่งกว่าครูไม่ได้ โลกยิ่งต้องเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ แท้จริงการอวยพรและสร้างของพระเจ้าในชีวิตเรานั้น จำเป็นต้องมีครูเป็นแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ซึ่งเป็นครูคนแรกของเรา หรือจะเป็นครูที่โรงเรียน ต่อมาครูที่คริสตจักร ทุกคนล้วนเข้ามาเพียงเพื่อพัฒนาและสร้างพื้นฐานแต่ละด้าน แต่ละช่วงเวลาให้กับเรา ส่วนการจะไปต่อได้มากน้อยเพียงใด เป็นเอกลักษณ์จนโบยบินอย่างมีอิสระเสรีภาพและชำนาญเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับ…ตัวเราเองเป็นปัจจัยหลัก แต่ครูเหล่านี้ต่างก็มีบทบาทอย่างมากเลยทีเดียว ทั้งอดทน ปล้ำสู้ และจ่ายราคาในชีวิตของเรา พวกเขาจึงเป็นบุคคลที่สมควรได้รับเกียรติอย่างยิ่ง การให้เกียรติจึงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่พระเจ้าให้เรามีต่อครู เราสามารถพัฒนาตนเองไปได้ไกลแสนไกล หากชีวิตเรามีคนนำทาง ปูทางให้กับเรามาอย่างดี โอกาสของคนมีครูย่อมสูงกว่าคนที่ไม่มีครู หรือไม่มีครูที่ดี บางเวลาครูอาจหมายถึงสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมก็เป็นได้… Read More »

อย่าเสียดายเมื่อถึงเวลาก้าว

อพย.13:4 ท่านทั้งหลายยกออกไปในวันนี้ในเดือนอาบีบ พระเจ้านำอิสราเอลออกจากอียิปย์ในเดือนอาบีบ คือเดือนมี.ค.-เม.ย.ซึ่งเป็นฤดูใบไม้ผลิ ปลายฝน เริ่มเก็บเกี่ยวข้าวบาร์เลย์และป่าน 1. หากมัวเสียดายพืชผลที่หว่านยังไม่ทันเกี่ยว อยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวพอดี จะทำให้พลาดสิ่งที่ต้องได้รับ แม้จะต่อสู้ อดทน หรือคร่ำครวญมานาน ดังนั้นเมื่อพระเจ้าเรียกมันคือเวลาที่ดีที่สุดที่ต้องก้าวโดยไม่ต้องห่วงผลประโยชน์ สิ่งที่มี สิ่งที่ทำไว้ แต่ก้าวออกไป 2.พระเจ้าจะทรงรับรองเราอย่างแน่นอนเมื่อเรากล้าก้าวตามพระองค์ด้วยใจเชื่อฟัง การที่อียิปต์โปรดปรานชาวอิสราเอลให้ข้าวของเครื่องใช้แก่เขา เล็งให้เห็นว่าพระเจ้าสามารถประทานให้เราได้ แม้สิ่งที่ไม่ได้ลงแรงเอง หากพระองค์จะให้ก็จะทำ  เราจะไม่ขาดสิ่งดีอันใด 150313

ถูกหรือผิดใครกำหนด??

ปฐมกาล 19:26-38 19:26 แต่ภรรยาของเขาผู้ตามข้างหลังเขาเหลียวกลับไปมองดูและนางจึงกลายเป็นเสาเกลือ 19:27 อับราฮัมลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ไปยังสถานที่ที่ท่านเคยยืนต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ 19:28 ท่านมองไปทางเมืองโสโดม เมืองโกโมราห์และดินแดนที่ราบลุ่มทั้งหลาย และดูเถิด ก็เห็นควันจากแผ่นดินนั้นพลุ่งขึ้นเหมือนควันจากเตาไฟใหญ่ 19:29 ต่อมาเมื่อพระเจ้าทรงทำลายเมืองทั้งหลายในที่ราบลุ่มแล้วนั้น พระเจ้าทรงระลึกถึงอับราฮัม และส่งโลทออกไปจากท่ามกลางการทำลายล้าง เมื่อพระองค์ทรงทำลายล้างเมืองทั้งหลายซึ่งโลทอาศัยอยู่ 19:30 โลทขึ้นไปจากเมืองโศอาร์ไปอาศัยอยู่บนภูเขาพร้อมกับบุตรสาวสองคนของเขา เพราะเขากลัวที่อาศัยในเมืองโศอาร์ เขาจึงไปอาศัยอยู่ในถ้ำทั้งเขากับบุตรสาวสองคนของเขา 19:31 บุตรสาวหัวปีพูดกับน้องสาวว่า “บิดาของเราแก่แล้วและไม่มีชายใดในแผ่นดินโลกเข้ามาหาพวกเราตามธรรมเนียมของทั่วโลก 19:32 มาเถิด พวกเราจงให้บิดาของพวกเราดื่มเหล้าองุ่น และพวกเราจะนอนกับท่าน เพื่อพวกเราจะสงวนเชื้อสายของบิดาพวกเรา” 19:33 ในคืนวันนั้นพวกเธอจึงให้บิดาของพวกเธอดื่มเหล้าองุ่น บุตรสาวหัวปีเข้าไปนอนกับบิดาของเธอ และเขาไม่สังเกตว่าเธอมานอนด้วยเมื่อไรและเธอลุกขึ้นไปเมื่อไร 19:34 ต่อมาวันรุ่งขึ้นบุตรสาวหัวปีพูดกับน้องสาวว่า “ดูเถิด เมื่อคืนนี้เราได้นอนกับบิดาของเรา พวกเราจงให้ท่านดื่มเหล้าองุ่นในคืนนี้อีก และเจ้าจงเข้าไปนอนกับท่านเพื่อพวกเราจะสงวนเชื้อสายของบิดาพวกเรา” 19:35 พวกเธอจึงให้บิดาของพวกเธอดื่มเหล้าองุ่นในคืนวันนั้นด้วย น้องสาวก็ลุกขึ้นไปนอนกับเขา และเขาไม่สังเกตว่าเธอมานอนด้วยเมื่อไรและเธอลุกขึ้นไปเมื่อไร 19:36 ดังนั้น บุตรสาวทั้งสองของโลทก็ตั้งครรภ์กับบิดาของพวกเธอ 19:37 บุตรสาวหัวปีคลอดบุตรชายคนหนึ่งและเรียกชื่อของเขาว่า โมอับ เขาเป็นบรรพบุรุษของคนโมอับมาจนถึงทุกวันนี้ 19:38 ส่วนน้องสาว เธอคลอดบุตรชายคนหนึ่งด้วยและเรียกชื่อของเขาว่า เบน-อัมมี เขาเป็นบรรพบุรุษของคนอัมโมนมาจนถึงทุกวันนี้ หญิงที่มีความสัมพันธ์กับพ่อตัวเอง… Read More »

การเชื่อฟัง…แม้รู้อยู่ว่าอุปสรรคใดรออยู่

อพย.7:1-6 7:1 พระเยโฮวาห์จึงตรัสกับโมเสสว่า “ดูซี เราได้ตั้งเจ้าไว้เป็นดังพระเจ้าต่อฟาโรห์ และอาโรนพี่ชายของเจ้าจะเป็นผู้พยากรณ์แทนเจ้า 7:2 เจ้าจงบอกข้อความทั้งหมดที่เราสั่งเจ้า แล้วอาโรนพี่ชายของเจ้าจะบอกแก่ฟาโรห์ให้ปล่อยชนชาติอิสราเอลออกไปจากแผ่นดินของเขา 7:3 เราจะทำให้ใจของฟาโรห์แข็งกระด้างไป และเราจะกระทำหมายสำคัญและมหัศจรรย์ของเราให้ทวีมากขึ้นในประเทศอียิปต์ 7:4 แต่ฟาโรห์จะไม่เชื่อฟังเจ้า เพื่อเราจะยกมือของเราขึ้นเหนือประเทศอียิปต์ และจะพาพลโยธาของเรา และชนชาติอิสราเอลพลไพร่ของเราให้พ้นจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยการพิพากษาอัน ใหญ่หลวง 7:5 และชาวอียิปต์จะรู้ว่าเราคือพระเยโฮวาห์ เมื่อเราได้ยกมือขึ้นเหนืออียิปต์ และพาชนชาติอิสราเอลออกจากพวกเขา” 7:6 โมเสสและอาโรนก็กระทำตามนั้น คือกระทำตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาเขา โมเสสและอาโรนรู้ทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น ว่า แม้เขาจะอ้างนามพระยาเวห์ ฟาโรห์ก็ยังคงใจแข็งกระด้าง เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทำเอง 1. แม้รู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทางข้างหน้าต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง อุปสรรคใดบ้างที่รออยู่ แต่เขาทั้ง 2 ต้องเชื่อฟังทำตามพระเจ้าตรัสทุกประการ 2. แม้เขาทั้ง 2 รู้อยู่เต็มอกแต่แรกแล้วว่า หากฟาโรห์ใจแข็ง เขาต้องเจอศึก 2 ด้านคือฟาโรห์หมายเอาชีวิตและอีกด้านคือชนอิสราเอล ที่คาดคั้นคำตอบของพระเจ้าจากพวกเขา แต่เขาก็ยังต้องเดินตามทางที่พระเจ้าตรัสสั่งไว้ด้วยใจเชื่อฟัง ทำตามทุกประการ 04/03/2013 23:00

กฎการครอบครอง

ปฐมกาล 2:16-17 2:16 พระเยโฮวาห์พระเจ้าจึงทรงมีพระดำรัสสั่งมนุษย์นั้นว่า “บรรดาต้นไม้ทุกอย่างในสวนเจ้ากินได้ทั้งหมด 2:17 แต่ต้นไม้แห่งความรู้ดีและรู้ชั่วเจ้าอย่ากินผลจากต้นนั้นเป็นอันขาด เพราะว่าเจ้ากินในวันใด เจ้าจะตายแน่ในวันนั้น” ทุกสิ่งบนโลกพระเจ้าให้เราครอบครองเว้นเสียแต่ต้นไม้นั้น ในสวนเอเดนพระประสงค์แรกที่มาพร้อมสิทธิอำนาจด้วยใจกว้างขวางที่พระเจ้ามอบให้กับเรา นั่นคือ การครอบครองทุกสิ่งบนผืนแผ่นดินโลก แม้แต่สิ่งมีชีวิตทุกชนิด อาดัมยังได้รับสิทธิในการตั้งชื่อ 2:19 พระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงปั้นบรรดาสัตว์ในท้องทุ่ง และบรรดานกในอากาศจากดิน แล้วจึงพามายังอาดัมเพื่อดูว่าเขาจะเรียกชื่อพวกมันว่าอะไร อาดัมได้เรียกชื่อบรรดาสัตว์ที่มีชีวิตอย่างไร สัตว์ก็มีชื่ออย่างนั้น แสดงว่าไม่ว่าอาดัมจะเห็นควรว่ามันจะถูกเรียกอย่างไร มันก็จะเป็นเช่นนั้น อาณาเขตการเป็นเจ้าของที่มนุษย์ได้รับคือทุกๆสิ่งบนโลก หมายถึงสิ่งใดๆก็ตามที่มีอยู่บนโลกเป็นของเราและเรามีสิทธิที่จะครอบครองทั้งสิ้น แต่พระคัมภีร์ไม่ได้จบเพียงแค่นั้น…ยังกล่าวต่อไปอีกว่าเว้นเสียแต่ต้นไม้นั้น… 2:17 แต่ต้นไม้แห่งความรู้ดีและรู้ชั่วเจ้าอย่ากินผลจากต้นนั้นเป็นอันขาด เพราะว่าเจ้ากินในวันใด เจ้าจะตายแน่ในวันนั้น” นั่นหมายความว่าเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เราไม่มีสิทธิเลย คือ สิ่งที่พระเจ้าห้ามเรานั่นเอง 2:15 พระเยโฮวาห์พระเจ้าจึงทรงนำมนุษย์ไปอยู่ในสวนเอเดนให้ดูแลและรักษาสวน “ต้นไม้นั้น” 1.    ความบาปที่ห้ามข้องเกี่ยว ตามพระคัมภีร์มีบาปพื้นฐานหลายสิ่งที่แจ้งให้เรารู้ โดยเฉพาะในบัญญัติ 10 ประการ 5:1 โมเสสได้เรียกคนอิสราเอลทั้งหมดเข้ามาแล้วกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า “โอ คนอิสราเอลทั้งหลาย จงฟังกฎเกณฑ์และคำตัดสิน ซึ่งข้าพเจ้ากล่าวให้เข้าหูของท่านทั้งหลายในวันนี้ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เรียนรู้ รักษาไว้และกระทำตาม 5:2 พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราทรงกระทำพันธสัญญากับเราทั้งหลายที่โฮเรบ 5:3 มิใช่พระเยโฮวาห์จะทรงกระทำพันธสัญญานี้กับบรรพบุรุษของเราทั้งหลาย แต่ทรงกระทำกับเรา… Read More »