แดนมรณา : เค้าโครงความคิดที่ต้องระวัง

By | 2014/02/13

ประตูใหญ่สูงเสียดฟ้าสีดำทึบ มองดูขมุกขมัว
พระเยซูตรัสว่า : “จงก้าวเข้าไป”
ข้าพเจ้ามองดูด้วยใจหวั่นๆ เพราะรู้อยู่ลางๆ ว่าอะไรอยู่เบื้องหน้า แต่ก็บอกพระเยซูว่า : “หากพระองค์ใช้และอยู่ด้วย หากพระองค์นำและรับรอง ข้าพระองค์ก็จะไป”
พระเยซูตรัสตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง มั่นคงแต่อ่อนโยน : “ครั้งนี้เราจะไม่ได้ไปกับเจ้า”
ข้าพเจ้าถามพระองค์ว่า : “อ้าววว… อ้อ ทูตสวรรค์หรอคะ (ปลอบใจตัวเอง)”
พระเยซูตรัสว่า : “ทูตสวรรค์ไม่สามารถเข้าแดนมรณาได้”
ข้าพเจ้าเริ่มรู้สึกกลัวๆ กล้าๆ แต่พระเยซูตรัสว่า : “ครั้งนี้พระวิญญาณบริสุทธิ์จะไปกับเจ้า ลูกเอ๋ย”

 

ผ่านเข้าสู่ประตูแดนมรณา

 

ทันใดนั้นเท้าของข้าพเจ้าก็ได้ก้าวเข้าไปในประตูบานนั้นเสียแล้ว มองไปรอบด้านไม่มีใครอยู่เคียงข้าง แต่ภายในใจข้าพเจ้าเรียกหาพระวิญญาณบริสุทธิ์ จากความกลัวๆ กล้าๆ ก็เปลี่ยนเป็นความนิ่งและสงบ… เมื่อนิ่งได้ ยิ่งสัมผัสการทรงสถิตย์อยู่ด้วยของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในขณะนั้นเองเสียงของพระเยซูที่อยู่นอกประตูก็ตรัสดังขึ้นว่า : “จงเรียนรู้และสังเกตุจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่าทรงรู้สึกอย่างไร? และทำอะไรในเจ้าบ้าง?”
และข้าพเจ้าร้องเรียกพระวิญญาณบริสุทธิ์จนกระทั่งพระองค์ครอบครองจิตใจและความคิดของข้าพเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม

 

มองไปรอบด้านจากที่วนเวียนสับสน ก็เริ่มได้เห็นและเข้าใจแบบเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์

 

หลังการก้าวพ้นประตูบานใหญ่เข้ามามีแต่ความมืดที่มองไม่เห็นอะไรเลย แต่เท้าของข้าพเจ้ายังไม่หยุดเดิน ก้าวย่างของข้าพเจ้าค่อยๆ ย่องไปทีละก้าวสั้นๆ เพราะความมืดที่มองไม่เห็นอะไรเลย ข้าพเจ้าถามพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า : “มืดสนิทไปหมดเลย มองไม่เห็นอะไรสักอย่างเดียว”

 

ทะลุความมืดที่ห้อมล้อมไปอีกชั้นหนึ่ง ข้าพเจ้าเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความมืดสนิทนั้นอย่างชัดเจน มีคนมากมายกำลังเขียนบนผนัง ตัวหนังสือและเส้นต่างๆ ที่พวกเขาวาดมันตีกันยุ่งเหยิงจนอ่านไม่รู้เรื่อง พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้รู้ในทันทีเลยว่าสิ่งที่พวกเขากำลังเขียนอยู่นั้นคือ… แนวความคิดและแผนการณ์ของพวกเขา ในใจข้าพเจ้าบอกว่าคนเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่ ด้วยความสงสัยจึงถามพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า : “ทำไมพวกเขามาอยู่ในแดนมรณาได้ ในเมื่อพวกเขายังไม่ตายเลย”
พระองค์ตรัสตอบว่า : “แท้จริงพวกเขาตายแล้ว เขาไม่รู้ตัวหรือยอมรับด้วยซ้ำว่าตัวเองตายแล้ว จิตวิญญาณของพวกเขาตายแล้ว”

 

ข้าพเจ้าเห็นคนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งชันเข่าขึ้นมากอดไว้ที่อก และพูดอะไรมากมายจนฟังไม่ได้ความ ทั้งเร็วและแรง ก้มหน้าก้มตาอยู่กับตัวเอง ข้าพเจ้ารู้ในทันทีว่าสิ่งที่พวกเขากำลังพูดและพ่นออกมาคือแนวความคิดและแผนการณ์ของเขาอีกเช่นเดียวกันกับกลุ่มแรก ต่างกันที่เขียนกับพูด

 

เท้าของข้าพเจ้ายังไม่หยุดที่จะก้าวไปเรื่อย พร้อมๆ กับสอดส่ายสายตาส่องไปทั่วๆ

 

พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้เข้าใจว่า นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้คนตาย แม้พวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่แท้จริงได้ตายแล้ว พวกเขาอยู่ในแดนมรณาเป็นที่เรียบร้อยเสียแล้ว ด้วยแนวความคิด แผนการณ์และสิ่งที่เขาทำ
ทันทีที่เข้าใจดังนี้ ก็มีแสงจ้าดวงโตปะทะเข้าที่ดวงตาของข้าพเจ้าและสะท้านไปทั้งร่าง

 

อ้อ…ถึงทางออกแล้วนั่นเอง

 

พ้นเขตแดนมรณามาทันทีที่เข้าใจทุกอย่างที่เห็นในนั้น รู้ตัวอีกทีก็ยืนอยู่บนดอกไม้เดี่ยวที่กลีบของมันใหญ่มากจนตัวข้าพเจ้าเล็กเพียงเสี้ยวเดียวของดอก ลักษณะดอกไม้… เป็นดอกไม้เดี่ยวที่มีเพียงกลีบเดียว ชูช่อเด่นตระหง่านขึ้นสู่ฟ้า ลอยอยู่บนอากาศ ตรงกลางดอกมีสีชมพูอมม่วงค่อยๆไล่สีเข้มจากกลางดอกออกไปสู่ขอบดอกจนเป็นสีขาวนวล

 

พ้นจากแดนมรณา

 

พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า : “นี่แหนะลองดูสิ ความมืดไม่สามารถแปดเปื้อนหรือติดตัวเจ้ามาได้มิใช่หรือ? อย่ากลัวที่จะก้าวไปในทุกที่ ที่เราไป เพราะนี่แหนะจงเป็นดั่งแสงสว่างจ้าที่เจ้ายืนอยู่ ณ ตอนนี้… ลองดูมารีย์กับมาธา มารีย์ก็ได้เลือกที่จะอยู่กับพระเยซู ส่วนมาธาได้เลือกงานของเขา ในสายตาคนทั่วไปต่างยกย่องมาธาว่าเก่งและเด่น แต่ในสายตาเรามารีย์ได้เลือกเราแล้ว และเราพอใจ ในขณะที่มารีย์เทน้ำมันหอมของตนทั้งหมดเพื่อเรา ใครๆ ก็ว่าเขาโง่มิใช่หรือ? แต่เขาเป็นคนเดียวที่ได้ทำในสิ่งที่ไม่มีใครทำเพื่อเรา และเราพอใจ ใครหรือ? จะเทียบเท่าเขาได้ “

 

เมื่อจบแล้วข้าพเจ้าเห็นพระเยซูปรากฏตรงหน้าและโอบกอดข้าพเจ้าไว้ในอ้อมแขนที่แข็งแกร่งและข้าพเจ้าดื่มด่ำอยู่กับการเติมเต็มของพระวิญญาณบริสุทธิ์และการที่พระเยซูปรากฏอยู่

 

01/12/2013 11:24

0Shares