เหตุผลที่ต้องวิงวอนต่อรองเพื่อผู้อื่น

By | 2014/05/19

เหตุใดที่ผู้วิงวอนบางคนทุ่มเทชีวิตเพื่อต่อรองกับพระเจ้าทั้งที่หลายต่อหลายครั้งไม่ใช่เรื่องของตนเอง เช่น อับราฮัมที่ร้องทูลต่อรองพระเจ้าเพื่อโสโดมโกโมรา , โมเสสที่ต่อรองกับพระเจ้าเพื่อชนอิสราเอล บางครั้งคนเหล่านี้เอาตัวเข้าแลกเพื่อให้พระเจ้าระลึกถึงและหันหลังกลับจากพระพิโรธด้วยพระเมตตาของพระองค์

แม้หลายครั้งพวกเขาเองก็รู้สึกไม่ชอบหรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ได้รับรู้ถึงบาปนั้นด้วยเช่นกัน ดั่งเห็นได้จากอับราฮัมก็เลือกที่จะไม่เอาตัวเข้าใกล้โสโดมด้วย นั่นเพราะเขารู้ถึงบาปนั้นและไม่อยากแม้แต่จะเฉียดเข้าใกล้ด้วยซ้ำ หรือโมเสสเองก็เช่นกัน เขารังเกียจบาปที่ชนอิสราเอลทำจนกระทั่งโกรธบดเอาศิลา 2 แผ่นในมือให้พวกเขากิน และให้เลือกพระเจ้า พวกเขาต่างมีอารมณ์ความรู้สึกของตนเองทั้งสิ้น…แต่เหตุใดพวกเขากลับร้องทูลวิงวอนต่อรองกับพระเจ้าเพื่อบาปที่แม้แต่ตัวเอง ก็ยังรังเกียจ หัวใจเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?

ปฐก.18:17-33
17 พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “เราจะซ่อนสิ่งซึ่งเรากระทำจากอับราฮัมหรือ
18 ด้วยว่าอับราฮัมจะเป็นประชาชาติใหญ่โตและมีกำลังมากอย่างแน่นอน และบรรดาประชาชาติทั้งหลายในแผ่นดินโลกจะได้รับพระพรเพราะเขา
19 เพราะว่าเรารู้จักเขา เขาจะสั่งลูกหลานและครอบครัวของเขาที่สืบมา พวกเขาจะรักษาพระมรรคาของพระเยโฮวาห์ เพื่อทำความเที่ยงธรรมและความยุติธรรม เพื่อพระเยโฮวาห์จะประทานแก่อับราฮัมตามสิ่งซึ่งพระองค์ได้ตรัสไว้เกี่ยวกับ เขา”
20 พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “เพราะเสียงร้องของเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ดังมากและเพราะบาปของพวกเขาก็หนักเหลือเกิน
21 เราจะลงไปเดี๋ยวนี้ดูว่าพวกเขากระทำตามเสียงร้องทั้งสิ้นซึ่งมาถึงเราหรือไม่ ถ้าไม่ เราจะรู้”
22 บุรุษเหล่านั้นหันหน้าจากที่นั่นไปทางเมืองโสโดม แต่อับราฮัมยังยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์
23 อับราฮัมเข้ามาใกล้ทูลว่า “พระองค์จะทรงทำลายคนชอบธรรมพร้อมกับคนชั่วด้วยหรือ
24 บางทีมีคนชอบธรรมห้าสิบคนในเมืองนั้น พระองค์จะทรงทำลายและไม่ละเว้นเมืองนั้นเพราะคนชอบธรรมห้าสิบคนที่อยู่ในนั้นด้วยหรือ
25 ขอพระองค์อย่ากระทำเช่นนี้เลย ที่จะฆ่าคนชอบธรรมพร้อมกับคนชั่ว และให้คนชอบธรรมเหมือนอย่างคนชั่ว ให้การนั้นอยู่ห่างไกลจากพระองค์ ผู้พิพากษาของทั่วแผ่นดินโลกจะไม่กระทำการยุติธรรมหรือ”
26 พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “ถ้าเราพบคนชอบธรรมในท่ามกลางเมืองโสโดมห้าสิบคน เราจะละเว้นทั้งเมืองเพราะเห็นแก่พวกเขา”
27 อับราฮัมทูลตอบว่า “ดูเถิด กรุณาเถิด ข้าพระองค์มีเจตนาทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งข้าพระองค์เป็นเพียงผงคลีดินและขี้เถ้า
28 บางทีคนชอบธรรมห้าสิบคนจะขาดไปห้าคน พระองค์จะทรงทำลายเมืองนั้นทั้งเมืองเพราะขาดห้าคนหรือ” พระองค์ตรัสว่า “ถ้าเราพบสี่สิบห้าคนที่นั่น เราจะไม่ทำลายเมืองนั้น”
29 เขายังทูลต่อพระองค์อีกครั้งว่า “บางทีจะพบสี่สิบคนที่นั่น” และพระองค์ตรัสว่า “เราจะไม่กระทำเพราะเห็นแก่สี่สิบคน”
30 เขาทูลต่อพระองค์ว่า “โอ ขอทรงโปรดอย่าให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธเลย และข้าพระองค์จะกราบทูล บางทีจะพบสามสิบคนที่นั่น” และพระองค์ตรัสว่า “เราจะไม่กระทำถ้าเราพบสามสิบคนที่นั่น”
31 เขาทูลว่า “ดูเถิด กรุณาเถิด ข้าพระองค์มีเจตนาทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า บางทีจะพบยี่สิบคนที่นั่น” และพระองค์ตรัสว่า “เราจะไม่ทำลายเมืองนั้นเพราะเห็นแก่ยี่สิบคน”
32 เขาทูลว่า “โอ ขอทรงโปรดอย่าให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธเลย และข้าพระองค์จะยังกราบทูลครั้งนี้ครั้งเดียว บางทีจะพบสิบคนที่นั่น” และพระองค์ตรัสว่า “เราจะไม่ทำลายเมืองนั้นเพราะเห็นแก่สิบคน”
33 เมื่อพระองค์ทรงสนทนากับอับราฮัมจบลงแล้ว พระเยโฮวาห์ได้เสด็จไปและอับราฮัมก็กลับไปที่อยู่ของตน

 

เหตุผลที่ต้องวิงวอนต่อรองเพื่อผู้อื่น

อพย.32:7-14
7 ฝ่ายพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “เจ้าลงไปเถิด ด้วยว่าชนชาติของเจ้าซึ่งเจ้าได้นำออกจากแผ่นดินอียิปต์นั้น ได้ทำความเสื่อมเสียมากแล้ว
8 เขาได้หันเหออกจากทางซึ่งเราสั่งเขาไว้อย่างรวดเร็ว คือหล่อรูปวัวขึ้นรูปหนึ่งสำหรับตน และกราบไหว้รูปนั้น และถวายสัตวบูชาแก่รูปนั้นและกล่าวว่า ‘โอ อิสราเอล สิ่งเหล่านี้แหละเป็นพระของเจ้า ซึ่งนำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์’”
9 แล้วพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “เราเห็นพลไพร่นี้แล้ว ดูเถิด เขาเป็นชนชาติคอแข็ง
10 ฉะนั้นบัดนี้เจ้าจงปล่อยเราตามลำพัง เพื่อความพิโรธของเราจะเดือดพลุ่งขึ้นต่อเขาและเพื่อเราจะผลาญทำลายเขาเสีย ส่วนเจ้าเราจะให้เป็นประชาชาติใหญ่”
11 ฝ่ายโมเสสก็วิงวอนกราบทูลพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านว่า “ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ไฉนพระองค์จึงทรงพระพิโรธอย่างแรงกล้าต่อพลไพร่ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงนำออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ด้วยฤทธานุภาพอันใหญ่ยิ่ง และด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์เล่า
12 เหตุไฉนจะให้ชนชาวอียิปต์กล่าวว่า ‘พระองค์ทรงนำเขาออกมาเพื่อจะทรงทำร้ายเขา เพื่อจะประหารชีวิตเขาที่ภูเขาและทำลายเขาเสียจากพื้นแผ่นดินโลก’ ขอพระองค์ทรงหันกลับเสียจากความพิโรธอันแรงกล้าของพระองค์ และทรงกลับพระทัยอย่าทำอันตรายแก่พลไพร่ของพระองค์เอง
13 ขอพระองค์ได้ทรงระลึกถึงอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์ เป็นผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงปฏิญาณด้วยพระองค์เองแก่เขาเหล่านั้นไว้ว่า ‘เราจะให้เชื้อสายของเจ้าทวีขึ้นดุจดวงดาวในท้องฟ้า และแผ่นดินนี้ทั้งหมดซึ่งเราสัญญาไว้แล้ว เราจะยกให้แก่เชื้อสายของเจ้า และเขาจะรับไว้เป็นมรดกตลอดไป’”
14 แล้วพระเยโฮวาห์จึงทรงกลับพระทัย มิได้ทรงทำอันตรายอย่างที่พระองค์ทรงดำริว่าจะกระทำแก่พลไพร่ของพระองค์

เหตุผลที่ต้องวิงวอนต่อรองเพื่อผู้อื่น

อพย.34:5-10
5 ฝ่ายพระเยโฮวาห์เสด็จลงมาในเมฆ และโมเสสยืนอยู่กับพระองค์ที่นั่น และออกพระนามพระเยโฮวาห์
6 พระเยโฮวาห์เสด็จผ่านไปข้างหน้าท่าน ตรัสว่า “พระเยโฮวาห์ พระเยโฮวาห์พระเจ้า ผู้ทรงเต็มด้วยพระกรุณา และทรงเมตตา ทรงกริ้วช้า และบริบูรณ์ด้วยความดีงามและความจริง
7 ผู้ทรงสำแดงความเมตตาต่อมนุษย์กระทั่งพันชั่วอายุ ผู้ทรงโปรดยกโทษความชั่วช้า การละเมิดและบาปของเขาเสีย แต่จะทรงถือว่าไม่มีโทษก็หามิได้ และให้โทษเพราะความชั่วช้าของบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานสามชั่วสี่ชั่วอายุคน”
8 ฝ่ายโมเสสจึงรีบกราบลงที่พื้นดินนมัสการ
9 แล้วทูลว่า “โอ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าแม้ข้าพระองค์ได้รับพระกรุณาในสายพระเนตรของพระองค์ ข้าพระองค์ทูลวิงวอนต่อพระองค์ ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์โปรดเสด็จไปท่ามกลางพวกข้าพระองค์เพราะ เป็นชนชาติคอแข็งดื้อดึง และขอทรงโปรดยกโทษความชั่วช้าและความบาปของพวกข้าพระองค์ และโปรดรับพวกข้าพระองค์เป็นมรดกของพระองค์ด้วย”
10 ฝ่ายพระองค์ตรัสว่า “ดูเถิด เราจะทำพันธสัญญาไว้ เราจะทำการมหัศจรรย์ต่อหน้าชนชาติของเจ้าทุกคน ซึ่งไม่มีผู้ใดกระทำในประชาชาติใดทั่วพิภพ และประชาชนทั้งปวงซึ่งเจ้าอยู่ท่ามกลางเขานั้น จะเห็นกิจการของพระเยโฮวาห์ เพราะการซึ่งเราจะทำต่อเจ้านั้นจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งนัก

ทันที ที่คำตรัสแห่งการพิพากษาของพระเจ้ามาถึงผู้รับใช้พระเจ้า ซึ่งไม่ใช่คนที่ทำบาปเอง แต่มาถึงสหายที่พระองค์พึงพอพระทัยที่จะสำแดงและเปิดเผยถึงแผนการณ์ล่วงหน้า พวกเขาไม่ได้มัวแต่ปลาบปลื้มที่พระเจ้าเปิดเผยเท่านั้น แต่ปฏิกิริยาตอบสนองในทันที คือ ร้องทูลและต่อรองอย่างหนัก เพื่อหวังให้พระเจ้าลดทอนและยับยั้งจากพระพิโรธสักนิด สิ่งที่ทำให้ทั้งอับราฮัมและโมเสสทำเช่นนั้น เกิดจากภายในของเขารู้อยู่เต็มอกว่าฤทธานุภาพของพระองค์มากและใหญ่ยิ่งเพียงใด แค่คำตรัสก็ทรงสร้างโลกทั้งใบจากความว่างเปล่าได้… แล้วหากจะทรงลงโทษด้วยพระพิโรธหละ… นั่นย่อมเป็นการง่ายดายด้วยเช่นกัน… ไม่ใช่แค่คำขู่หรือคำอวด  แต่เป็นจริงได้ในทันทีที่จะทรงทำ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องออกตัวเป็นผู้ร้องทูลยับยั้งความพิโรธของพระองค์ และพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาทรงอดทนนานและเปี่ยมไปด้วยการให้โอกาส พระทัยที่หวังให้ใครสักคนยืนตรงนั้นเพื่อยับยั้งหรือยืดเวลาแห่งการให้โอกาสยาวออกไป ซึ่งอับราฮัมและโมเสสเข้าถึงความล้ำลึกในความเข้าใจนี้

260513

0Shares