เครื่องถวายของคาอินกับอาแบล

By | 2015/05/16

ปฐก.4:2-7
4:2 นางได้คลอดบุตรอีกครั้งหนึ่งซึ่งเป็นน้องชายของเขาชื่ออาแบล อาแบลเป็นคนเลี้ยงแกะ แต่คาอินเป็นคนทำไร่ไถนา
4:3 อยู่มาวันหนึ่งปรากฏว่า คาอินได้นำผลไม้จากไร่นามาเป็นเครื่องบูชาถวายพระเยโฮวาห์
4:4 เช่นกันอาแบลได้นำผลแรกจากฝูงแกะของเขาและไขมันของแกะ พระเยโฮวาห์ทรงพอพระทัยต่ออาแบลและเครื่องบูชาของเขา
4:5 แต่พระองค์ไม่ทรงพอพระทัยต่อคาอินและเครื่องบูชาของเขา และคาอินได้โกรธแค้นยิ่งนัก สีหน้าหม่นหมองไป
4:6 พระเยโฮวาห์ได้ตรัสแก่คาอินว่า “ทำไมเจ้าถึงโกรธแค้น และทำไมสีหน้าเจ้าหม่นหมองไป
4:7 ถ้าเจ้าทำดี เจ้าจะไม่เป็นที่ยอมรับหรอกหรือ ถ้าเจ้าทำไม่ดี บาปก็ซุ่มอยู่ที่ประตู มันปรารถนาในตัวเจ้า และเจ้าจะครอบครองมัน”

คาอินและอาแบลต่างก็มีความปรารถนาและตั้งใจเป็นอย่างดีในการมอบถวายแด่พระเจ้าของเขา

??? แต่เหตุไฉน? จึงมีความแตกต่างในความพอพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้าต่อเครื่องบูชาที่เขามอบถวาย

คาอิน(ข้อ 2-3) มีอาชีพทำไร่ไถนาก็ไม่น่าจะแปลกที่เขานำสิ่งที่มีมาถวายแด่พระเจ้า ในขณะที่อาแบลก็นำสิ่งที่ตนมีจากอาชีพของตนเองเหมือนกันคือนำไขมันแกะมาถวายแด่พระเจ้า

 

เครื่องถวายของคาอินกับอาแบล

 

ความต่างคือ

 

1. คาอินเลือกผลทั่วๆ ไปมาถวาย แต่อาแบลเลือกผลแรกที่ดีที่สุด ผลหัวปีมาถวาย
แน่นอนว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงสนพระทัยว่าสิ่งที่เราให้กับพระองค์จะใหญ่หรือเล็กเพียงใด
ไม่ได้วัดคุณค่าสิ่งที่เรามอบถวายแด่พระองค์ด้วยมูลค่าที่มากกว่าหรือจำนวนที่มากกว่า
*** แต่ทรงสนพระทัยที่ท่าทีในการคัดสรรและเลือกเฟ้นให้กับพระองค์
การเลือกสิ่งดียิ่งมากเพียงใด ใส่ใจรายละเอียดในการเลือกเฟ้นมากเพียงใด นั่นย่อมหมายถึงว่า … เราใส่ใจต่อผู้รับมากเพียงนั้น เราเห็นคุณค่าและให้ความสำคัญต่อผู้รับเพียงนั้นด้วย
การถวายแด่พระเจ้านั้นไม่เพียงแค่การกระทำเพราะถึงเวลา ถึงคราที่ต้องทำ หรือเพียงเพราะว่าใครก็ทำกันแต่ต้องมาจากการที่ฉวยโอกาสนั้นที่จะมอบถวายให้กับพระองค์เสมือนว่าเป็นโอกาสที่สามารถยึดฉวยมาได้ เป็นเหมือนดังสิ่งพิเศษที่เข้ามา

 

2. อาแบลเลือกที่จะมอบในสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยให้กับพระองค์ แต่คาอินกลับเลือกที่จะมอบในสิ่งที่ตนเองอยากให้
การทำสิ่งใดๆก็ตาม… หากเราเรียนรู้จักน้ำพระทัยพระเจ้า ก็สามารถทำในสิ่งนั้นได้อย่างตรงเป้า ตรงจุด
ไม่ใช่ทุกสิ่งที่เราอยากมอบให้พระเจ้า พระองค์จะรับ และไม่ใช่ทุกสิ่งที่พระเจ้ารับ จะทรงพอพระทัยหากแต่การได้เรียนรู้ว่าอะไรคือน้ำพระทัยของพระเจ้าและเดินตามย่อมเป็นที่ชอบพระทัยอย่างแน่นอน
อาแบลไม่เสียเวลาเปล่า ไม่ได้จ่ายราคาเปล่าประโยชน์ เพราะทุกสิ่งที่เขาจ่ายออก เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าในทางตรงกันข้าม ฝ่ายของคาอินสิ่งที่จ่ายออกอาจสูญเปล่า เปล่าประโยชน์นับไม่ได้ในสายพระเนตรพระเจ้า แม้จะลงแรงเหมือนกัน จ่ายราคาออกเช่นกันทุ่มเทไม่ต่างกันก็ตาม นั่นเพราะพระเจ้าทรงบริสุทธิ์และเที่ยงตรง

 

3. การตักเตือนของพระเจ้าที่มีมาถึงคาอิน (ข้อ 5) เพื่อให้เขาได้รับรู้และเรียนรู้สิ่งที่ชอบพระทัยพระเจ้า เพราะการมอบถวายไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อครั้งต่อไปจะสามารถตอบสนองได้อย่างถูกต้องและเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าได้เช่นเดียวกันกับที่อาแบลได้ทำในครั้งนี้
แต่เขากลับแสดงอาการไม่พอใจออกมาจนกระทั่งพระเจ้า ได้เตือนเขาอีกครั้ง (ข้อ 6-7)
แต่ก็หาได้เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเขาไม่ … กลับยิ่งถลำลึกลงในความเกลียดชังริษยา (ข้อ 8) เพียงเพราะต้องการคำชมเชยเท่านั้น ซึ่งสะท้อนถึงความหยิ่งทะนงอย่างที่สุด นอกเสียจากไม่สามารถถ่อมตนเพื่อยอมรับความจริงแห่งความผิดพลาด และกลับใจใหม่ เพื่อเรียนรู้ได้แล้ว กลับยังพัฒนาไปสู่บาปที่พรากชีวิต เป็นการประกาศตนว่า “พระเจ้าผิดที่พอพระทัยอาแบลแทนตนเอง”

 

** เรามีโอกาสในการมอบถวายให้พระเจ้าหลายครั้งหลายคราในชีวิตเราเพียงแต่…ในแต่ละครั้งนั้นเราได้มอบในสิ่งที่ทรงรับได้หรือไม่และทรงพอพระทัยในสิ่งที่เรามอบเพียงใด

 

030513

 

 

0Shares