สวรรค์ : ความบริสุทธิ์ที่ดึงดูด

By | 2014/02/05

ปุยเมฆสีขาวลอยฟุ้งอยู่ปลายเท้า ให้ความรู้สึกนุ่มนวล สงบ สบายและอุ่นใจเหลือเกิน เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยและเรียกหาอยู่เนืองๆ

เมื่อเงยหน้าขึ้น ละสายตาจากปลายเท้า มองไปรอบๆ ตัว ปุยเมฆบางๆ เหล่านี้ได้โอบล้อมกายของข้าพเจ้าทุกส่วน … มองตรงไปเบื้องหน้าเมฆจะค่อยๆไล่ระดับจากบางไปหนาทึบขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเบื้องปลายมองไม่เห็นอะไรเพราะความหนาทึบของเมฆ ปลายสุดทางเป็นช่องประตูใหญ่โอ่อ่าตระการตาเปิดกว้าง มีลำแสงขนาดใหญ่ดั่งดวงอาทิตย์สะท้อนแสงออกมาจากประตูความสว่างจ้าทำให้แสบตาจนลืมตาไม่ขึ้น แม้หลับตาก็ยังรู้สึกแสบตาเพราะความสว่างจ้าอย่างรุนแรงของแสงสีทอง ดั่งดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน…

มองดูอีกทีจึงรู้ว่าตัวเองยืนอยู่บนบันไดที่กำลังทอดยาวสู่ประตูนั้น เส้นทางของบันไดช่างยาวสุดลูกหูลูกตา  ความกว้างของบันไดไม่มากนัก เพียงพอที่จะเดินแบบคนเดียวได้สบายๆ แต่ไม่สามารถเดินเบียดเสียดกันได้ (เพราะรู้สึกว่าไม่น่าจะมีการเบียดกัน) ตัวข้าพเจ้ากำลังเดินขึ้นบันไดทีละขั้นอย่างช้าๆ และมั่นคง แต่ละก้าวค่อยๆ ขึ้นไปด้วยความชันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ไม่รีบร้อนอันใด อีกทั้งสายตาที่จดจ้องอยู่ที่ปลายทาง คือ … ประตูนั้น ทำให้ใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นและยำเกรงภายในลึกๆ จึงไม่กล้าเร่งฝีเท้า …

ทุกๆ ก้าวที่เข้าใกล้ประตูรู้สึกเหมือนเสื้อผ้าที่ตัวเองกำลังใส่อยู่ค่อยๆ เปลี่ยนไป เริ่มขาวสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ กระโปรงที่ยาวรุ่มร่ามไม่สะดวกสบายต่อการก้าวเดินขึ้นขั้นบันได ค่อยๆ สั้นลงจนกระทั่งคลุมปลายเท้าพอดีไม่ทำให้ไม่สะดุดหรือติดขัดเวลาก้าวเดินอีกต่อไป  สิ่งที่สวมใส่อยู่บางชิ้นค่อยๆ หลุดออกทีละชิ้น ทีละส่วน เสมือนว่ายิ่งเดินขึ้นสูง บางสิ่งก็ไม่สามารถใส่ติดตัวไปได้จึงหลุดออกไปทีละชิ้น ทีละก้าว ทีละขั้น ไม่เพียงเสื้อผ้าหน้าผมเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แม้แต่ร่างกายก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป สัมผัสได้ผ่านเนื้อหนังที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปจนรู้สึกได้ที่ผิวหนังและมีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายใน กายค่อยๆ สะอาดขึ้นเรื่อยๆ (รู้สึกเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ) จนกระทั่งสีผิวมีลำแสงสะท้อนออกมา เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลดูสดใสและชุ่มฉ่ำ ใบหน้าและสีผมก็เริ่มสว่างระยิบระยับมากยิ่งขึ้นพร้อมๆ กับชุดที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป … เป็นการเปลี่ยนไปพร้อมๆ กันทั้งภายนอกและภายใน

ยิ่งเดินขึ้นไปสูงเท่าไรยิ่งตื่นเต้นแต่กลับรู้สึกมั่นคงมากยิ่งขึ้น  ยิ่งกล้าหาญและเชื่อมั่นอย่างหนักแน่นมากยิ่งขึ้น ยิ่งไม่หวั่นไหวเพราะแรงปรารถนามุ่งตรงสู่ประตูนั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเดินมาถึงสุดปลายทางประตูใหญ่… ความสว่างจ้านั้นจะทำให้แสบตาจนกระทั่งต้องหลับตายืนนิ่งอยู่พักใหญ่ๆ เลยทีเดียว ระหว่างที่หลับตานิ่งอยู่นั้นความเข้าใจใหม่ได้พุ่งเข้ามาทางจิตใจภายใน พระองค์กำลังตรัสด้วยภายใน

“เจ้าลองมองดูรอบกายเจ้าและมองย้อนกลับสู่เบื้องล่างดู” พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานภายในจิตวิญญาณเบื้องลึกทรงตรัสขึ้น

ข้าพเจ้าพยายามค่อยๆ ลืมตาขึ้นทั้งที่แสบตาจนน้ำตาเอ่อไหล แต่ก็ไม่สามารถลืมตาไหว ด้วยว่าลำแสงที่สว่างเกินกว่าดวงตามนุษย์จะมองได้ ในขณะยืนหลับตาอยู่หน้าประตูใหญ่บานนี้  แต่การมองเห็นครั้งนี้ช่างแตกต่างจากทุกครั้งไป คือ แม้ยังคงหลับตาอยู่ ภาพต่างๆ ก็ยังคงคมชัด เสมือนว่าลืมตาอยู่อย่างไงอย่างนั้น …

ภาพที่เห็นเป็นดังนี้…

ตัวข้าพเจ้ากำลังเดินขึ้นบันไดมาเรื่อยๆ ลักษณะเหมือนที่กล่าวมาแล้วข้างต้น และมองกลับไปเห็นมวลชนคนมากมายที่เบื้องล่าง แต่จำนวนน้อยคนเหลือเกินที่จะเดินสู่บันไดนี้ คนจำนวนมากมาย (เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่ขึ้นสู่บันไดนี้) กลับอยู่ที่เบื้องล่าง ข้าพเจ้าเกิดความสงสัยว่า… ทำไม?? คนเหล่านั้นถึงไม่เดินขึ้นบันไดมา ทั้งที่มันเปิดออก ใครก็สามารถขึ้นมาได้ แค่เดินขึ้นมาเท่านั้นเอง ทุกคนต่างก็เห็นเหมือนกันกับที่ข้าพเจ้าเห็น เมื่อยืนอยู่เบื้องล่างนั่นคือ บันไดทอดยาวและประตูใหญ่มีลำแสงสว่างจ้า …

เมื่อความคิดภายในเป็นดังนี้ ข้าพเจ้าได้ค้นพบคำตอบที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำให้เกิดความกระจ่างแจ้ง ซึ่งเวลานั้นสัมผัสได้ถึงพระบิดาผู้ทรงบริสุทธิ์ประทับอยู่เบื้องหลังประตูนั้น …

“เพราะความบริสุทธิ์ของพระเจ้าทำให้มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นและเข้าใกล้พระองค์ได้เลย แต่ที่เราทั้งหลายยังสามารถใกล้ชิดและมีความสัมพันธ์กับพระองค์ได้ เสมือนว่าพระองค์ทรงอยู่ใกล้นิดเดียว นั่นเพราะว่าพระเมตตาคุณอันแสนมากล้นได้มีมาถึงเราทั้งหลาย แต่หากผู้ใดปรารถนาจะเข้าใกล้พระองค์มากยิ่งขึ้นไปอีก ย่อมต้องก้าวสู่บันไดนี้ และเจ้าได้เห็นแล้วว่าตัวเจ้าเองที่ก้าวเข้ามาจะถูกเปลี่ยนไปทีละเล็กละน้อยทั้งกายใหม่ เสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่ ยิ่งใกล้ก็ยิ่งต้องถูกเปลี่ยนเพื่อความบริสุทธิ์ สิ่งใดก็ตามที่ไม่สามารถเข้าใกล้ความบริสุทธิ์ได้จะค่อยๆ ถูกถอดถอนออก ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไร ก็ยิ่งถูกถอดออกและถูกสวมสิ่งใหม่แทนที่มากเท่านั้น… ทั้งนี้เพื่อเจ้าจะสามารถยืนต่อหน้าความบริสุทธิ์และยืนต่อพระองค์ผู้ทรงบริสุทธิ์ได้ ส่วนของเจ้าเพียงแค่ก้าวขึ้นมาเรื่อยๆ ส่วนของเรา(พระวิญญาณบริสุทธิ์) จะทำงานภายในและเปลี่ยนสิ่งต่างๆในตัวเจ้าเอง สายตาของเจ้าต้องมุ่งมั่นมองตรงที่ประตูแห่งความบริสุทธิ์เท่านั้น เจ้าจะถูกเปลี่ยนโดยที่ไม่รู้ตัวเลย แต่จะสัมผัสได้และรู้สึกตัวตลอดเวลาถึงการทำงานของเราในแต่ละส่วน แต่ละด้านในชีวิตของเจ้า เจ้าจะไม่ต้องทำสิ่งอื่นใดเลย นอกเสียจากเดินตรงต่อไปและจับจ้องแบบไม่ละสายตาไปจากความบริสุทธิ์ มันเป็นส่วนของเราที่จะทำเอง เจ้าไม่มีความสามารถใดๆ ที่จะทำให้ตัวเองบริสุทธิ์และเป็นที่ยอมรับของพระองค์ผู้ทรงบริสุทธิ์ได้ แต่เราจะเป็นผู้ทำในตัวเจ้าและเราจะรับรองในเจ้าเอง ถึงกระนั้นคนจำนวนน้อยเหลือเกินที่ยอมเดินขึ้นบันไดนี้” พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสภายใน

ในขณะนี้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าที่ก้าวขึ้นบันไดนี้มาเพราะมีแรงดึงดูดอย่างมาก ที่แท้ก็เป็นแรงของความบริสุทธิ์ที่ดูดให้เข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ  จนกระทั่งไม่สามารถละสายตาไปจากประตูแห่งความบริสุทธิ์นี้ได้ ไม่ใช่เพียงเพราะความปรารถนาภายในเท่านั้น แต่ความบริสุทธิ์นี้ต่างหากที่ดึงดูดให้เข้ามา จนกระทั่งไม่สามารถละเลย หรือแม้แต่จะละสายตาไปแม้แต่น้อยด้วยซ้ำ แม้แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนกายเอง ก็ยังไม่สามารถละสายตาจากประตูเพื่อมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ ได้แต่เพียงใช้โสตประสาทส่วนอื่นรับรู้แทนสายตา นั่นย่อมเป็นการบ่งบอกที่แน่ชัดอยู่แล้วว่านอกเสียจากความต้องการภายในแล้ว ความบริสุทธิ์ของพระเจ้าดึงดูดให้เข้ามาและเรียกหาให้เข้ามาใกล้โดยอัตโนมัติ

และทุกๆ ก้าวที่เดินขึ้นบันไดมา มันยิ่งทำให้สายตาของข้าพเจ้าได้เห็นและสามารถมองความบริสุทธิ์นั้นที่คนทั่วๆ ไป ไม่สามารถมองหรือเข้าใกล้ได้


…………….

ในขณะนี้เองข้าพเจ้ากำลังยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ที่มีแสงสว่างเจิดจ้า ค่อยๆ ลืมตาขึ้น และสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ….และนี่คือความบริสุทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทันทีที่เห็นความบริสุทธิ์ของพระองค์ปรากฏแก่ตา ข้าพเจ้ารู้อยู่แก่ใจภายในทันทีว่า แม้ขณะที่ได้รับการชำระ ทั้งปลดเปลื้องสิ่งเก่าๆ ของตัวเองและสร้างใหม่เพื่อให้คู่ควรกับความบริสุทธิ์ แต่บัดนี้สิ่งที่ได้รับและเป็น ก็ยังไม่สามารถเทียบกับความบริสุทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรงหน้าได้เลยแม้แต่น้อย … ความยำเกรงยิ่งฟ้องให้รับรู้ถึงพระคุณมากขึ้นไปอีก ด้วยพระลักษณะแห่งความบริสุทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงไม่สามารถเข้าได้เลยกับบาปแม้น้อยนิดบนโลกหรือที่มีติดตัว แต่เพราะทรงพระคุณ เพราะพระบิดารัก จึงได้มีโอกาสใกล้ชิดพระองค์ พระคุณนี้จึงทำงานเพื่อเรียกเราทั้งหลายเข้าสู่ความบริสุทธิ์ แต่ก็น่าเสียดายยิ่งนัก คนจำนวนมากมักรับพระคุณแต่ไม่รับที่จะก้าวเข้าสู่ความบริสุทธิ์ของพระองค์ ความบริสุทธิ์ที่งดงามหาสิ่งใดในโลกเปรียบไม่ได้อีกเลย ข้าพเจ้ารู้ว่าที่กำลังเห็นนั้นเป็นเพียงแค่เสี้ยวส่วนหนึ่งของความบริสุทธิ์ขององค์พระบิดาผู้ทรงประทับบนสวรรค์

ข้าพเจ้าชะโงกหน้าเข้าไปในประตูด้านใน  ใจภายในเรียกร้องจะก้าวเข้าไปอีก อยากเข้าไปใกล้อีกสักนิดก็ยังดี แต่ไม่สามารถขยับขาของตนเองไปต่อได้เลย ได้แต่ชะโงกหน้าเข้าไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นอยากได้รับ แต่ภายในอีกส่วนหนึ่งก็เกิดความละอายและยำเกรงขึ้นอย่างสุดขั้วหัวใจเลยทีเดียว เพราะรู้อยู่ว่าไม่ใช่ด้วยตัวเราเอง เพราะเข้าใจแล้วว่าไม่ใช่ด้วยคุณสมบัติหรือแรงกำลังของเราเองเลย ทำให้ข้าพเจ้าหวนคิดถึงโมเสสที่ร้องขอการได้เห็นพระพักตร์พระบิดาสักครั้ง ข้าพเจ้าบอกพระองค์ว่า “ขอบ้าง อยากเห็นพระพักตร์พระองค์”

พระองค์ตรัสตอบว่า “มนุษย์หรือจะเห็นพระพักตร์ของเราได้”
ใช่แล้วข้าพเจ้ารู้อยู่แก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะความบริสุทธิ์ของพระองค์ แต่ก็เคยเห็นส่วนหนึ่งของพระพักตร์พระองค์ เคยเห็นเงาของพระสิริของพระองค์ เคยเห็นพระพักตร์องค์รวมของพระองค์ แต่ยังไม่เคยเห็นแบบชัดๆ เลย นั่นเพราะความบริสุทธิ์นี่เอง ในขณะที่กำลังปรารถนาอยากเห็นพระพักตร์พระองค์ เพราะอยากใกล้พระองค์ขึ้นไปอีก … ตัวของข้าพเจ้าก็ได้เข้ามายืนอีกฟากของประตูนั้นเสียแล้ว

แสงสว่างจ้าที่ทำให้แสบตา ได้แปรเปลี่ยนเป็นเมฆหนาทึบจนมองแทบไม่เห็นอะไร ได้ยินแต่เพียงเสียงแผ่วเบาร่วมกันสรรเสริญพระนามของพระบิดา แต่เมื่อเหลียวหลังมองกลับไม่มีใคร นอกจากต้นไม้ ลำธาร เมฆหนาทึบ ความอบอุ่น ไอสว่าง เสียงต่างๆ แผ่วเบาประสานกันจนเป็นคำสรรเสริญแด่พระองค์

ท่ามกลางเมฆหนาทึบนั้น ข้าพเจ้าภาวนาภายในใจตลอดเวลาว่า “มีเพียงพระองค์ผู้เดียว พระองค์เท่านั้น มีเพียงพระองค์” เมฆเหล่านั้นยิ่งโอบล้อมตัวข้าพเจ้าอย่างหนาแน่นเข้าไปอีก และการได้แช่อยู่เช่นนี้ทำให้รู้ว่าจะไม่พลาดที่จะฉวยโอกาสรับกำลังเช่นนี้ที่นี่ บนแผ่นดินของพระองค์ สวรรค์สถานบริสุทธิ์

090613

0Shares