น้ำพระทัยพระบิดา

By | 2017/08/14

หลายครั้งพ่อแม่ไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่ลูกทำ แต่ที่ยอมให้ทำ เพราะเห็นแก่ลูก

ดุจเช่นเดียวกันกับพระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ หลายครั้งพระองค์ไม่ได้มีน้ำพระทัย หรือว่า เห็นด้วยกับสิ่งที่เราเลือกเดิน เลือกกระทำ แต่พระองค์ก็ยังคงคอยปกป้อง และ ดูแลเราเป็นอย่างดี นั่นเพราะทรงเห็นแก่เรา ด้วยความรักที่แสนมั่นคงไร้เงื่อนไขของพระองค์

แต่มนุษย์เรา หรือ ลูกน้อย บางครั้งก็หาได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจไม่ … แต่กลับมองเห็นช่องทางความรักนั้น เพื่อตักตวงผลประโยชน์อันเป็นการทำตามใจตนเอง แทนที่จะเติบโตขึ้นในการเรียนรู้ว่า “สิ่งใดควร , สิ่งใดไม่ควร , สิ่งใดควรรีบกลับใจใหม่”

แต่ไม่ว่าพ่อแม่ หรือ พระเจ้า จะทรงเปี่ยมพระคุณ หรือ เต็มล้นไปด้วยความรักสักเพียงใด … ก็ไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางของผลแห่งการกระทำ หรือ เลือกตัดสินใจของมนุษย์ได้

*** พระเจ้าทรงตั้งกฎหนึ่ง ซึ่งไม่มีสิ่งใดล้มล้างได้ คือ กฎแห่งการหว่าน … ไม่ว่าเราจะหว่านสิ่งใด ย่อมได้รับสิ่งนั้นกลับมา สักวันหนึ่งอย่างแน่นอน แม้แต่ศักเคียสที่อยู่ต่อหน้าพระเยซูองค์พระบุตร ก็ยังต้องชดใช้สิ่งที่ตนเองหว่านในอดีต เพื่อให้ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในพระคริสต์

แน่นอนว่า เมื่อเราทำผิดพลาด หนทางแก้ไขที่ดีที่สุด คือ การกลับใจใหม่ เพราะพระเจ้าจะทรงเข้ามารื้อฟื้นสิ่งที่เราสูญเสีย ด้วยการสร้างใหม่เข้าแทนที่สิ่งที่สูญเสีย (ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ต้องรับผลใดๆ) และ จะทรงปลอบประโลมใจแก่ผู้ที่ถ่อมลง

ในขณะที่ผู้ที่ยังคงหลงเพลิดเพลินกับการทำตามใจตนเอง โดยใช้ช่องพระคุณ และ ความรัก กลับจะยิ่งห่างไกลพระพร และ สิ่งที่ดีที่สุด สำหรับตนเอง … แน่นอนว่า อาจทำให้เกิดความสุข ความสนุกชั่วครั้งชั่วคราว แต่ในที่สุดก็จะรู้ว่า “ได้พลาดสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเองไปเสียแล้ว”

น้ำพระทัยพระบิดา

1. พระเจ้าทรงรักเราอย่างมากมาย อย่ามองพระคุณของพระเจ้าเป็นช่องว่างในการทำสิ่งที่ขัดจากน้ำพระทัยพระองค์ เพราะพระเจ้าทรงชันสูตร และ รู้แน่ … แต่เพียงพระองค์ทรงยอมให้เป็นไป เพราะเห็นแก่เรา แต่ในขณะนั้น เราได้สูญเสียสิ่งที่เรียกว่า “น้ำพระทัยสมบูรณ์ที่ดีเลิศสำหรับเรา” ไปเสียแล้ว

2. ในบางจังหวะชีวิต พระเจ้าทรงใช้เหตุการณ์ที่แทรกเข้ามาในชีวิตของเรา เป็นบททดสอบ เพื่อพัฒนาชีวิตที่เติบโตมากยิ่งขึ้น พัฒนาระดับความสัมพันธ์กับพระเจ้าที่ลึกขึ้น ผ่านกระบวนการเลือก การตัดสินใจของเราเอง

แน่นอนว่า พระเจ้าทรงสัพพัญญูรู้ทุกสิ่งอย่างครบบริบูรณ์ จะทรงรับรอง , ช่วยเหลือ , ช่วยกู้ , ปกป้อง เราจากสิ่งต่างๆ หากเราล้มลง … แต่หากว่าเราเองเลือกที่จะตัดสินใจเดินแยกทางจากน้ำพระทัยพระเจ้า ด้วยรู้ทั้งรู้ >> เราจะต้องรับผลแห่งการอยู่นอกการปกคลุมของพระเจ้า … แต่ถึงกระนั้นพระคุณความรักของพระเจ้านั้นยืดยาวไปถึงเราได้เสมอ (การปกคลุมของพระเจ้าคู่กับพระพร แต่พระคุณ และ ความรักของพระเจ้านั้นแยกส่วนกัน แปลว่า แม้เราไม่ได้รับพระพร พระเจ้าก็ยังคงรักเราเสมอ >> จะดีกว่าหรือไม่? ที่เราเลือกทั้ง 2 ส่วน คือ อยู่ในการปกคลุมของพระเจ้าแล้วได้รับพระคุณ และ พระพร แต่หากเราเลือกที่จะอยู่นอกการปกคลุม แน่นอนว่าพระพรย่อมมาไม่ถึง แต่ความรัก และ พระคุณของพระเจ้าจะไปถึงเรา)

3. การดำเนินชีวิตอยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้า ไม่สามารถเสร็จสิ้นกระบวนการภายในระยะเวลาอันสั้น หรือ จำกัด แต่เป็นเรื่องของกระบวนการชีวิตที่ต้องสำรวจ ตรวจสอบ และ สัตย์ซื่อในการกระทำอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา

เปรียบเสมือนการขับรถ ที่หากขาดความระมัดระวังเมื่อใด ก็อาจเกิดเหตุร้าย หรือ หลงทางได้เสมอ ดังนั้น การเดินกับพระเจ้าสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การรักษาชีวิต ระแวดระวังตนเองอยู่เสมอๆ

อย่าเผลอไปตรวจสอบชีวิตผู้อื่น โดยหลงลืม หรือ ให้น้ำหนักน้อยเกินไปกับการดูแลจัดการชีวิตตนเอง มิเช่นนั้น ตัวเราเองนั่นแหละที่อาจพลาดพระพรเป็นระยะๆ ก็ได้


14-08-2017  

0Shares