นรก : เทศนาให้ใครฟัง

By | 2014/01/28

ครั้งนี้ข้าพเจ้าได้เห็นชายคนหนึ่งยืนบนธรรมมาสกำลังเทศนา ถ้อยคำต่างๆ พรั่งพรูออกมาจากปากของเขา ข้าพเจ้าฟังไม่ออกและจับใจความไม่ได้ แต่ท่าทางของชายคนนั้นช่างดูกระตุ้นเร้า ให้ตื่นเต้นและตื่นตัวอยู่เสมอ แต่กลับไม่มีใครฟังเขาเลยแม้สักคน ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำ และหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ตนเองต้องการ เมื่อข้าพเจ้าเพ่งมองลงไปยังผู้คนเหล่านั้น พวกเขากำลังกินอาหารอย่างตะกละตะกลามจนไม่มีแม้แต่เวลาจะเงยหน้าขึ้น อาหารเหล่านั้นดูสกปรก เน่าเสียและส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง แต่พวกเขากลับกินอย่างเอร็ดอร่อย  ข้าพเจ้ามองดูด้วยความพะอืดพะอมจวนอาเจียน อยากเอาตัวออกจากตรงนั้นอย่างที่สุด

พระเยซูตรัสว่า “นี่แหนะ เราจะบอกความจริงแก่เจ้าจงยืนอยู่และพินิจให้ครบถ้วนก่อนออกไป”

ใบหน้าที่บู้บี้เพราะความรังเกียจในสิ่งที่เห็น ข้าพเจ้าจำต้องฝืนใจมองต่อไป และกวาดสายตาอย่างรวดเร็ว ในอาหารเหล่านั้นมีทั้งหนอน แมลงวัน แมลงต่างๆ ที่ข้าพเจ้าก็ไม่รู้จักหลายชนิด อีกทั้งโดยรอบยังเต็มไปด้วยเหล่ากองทัพหนูและแมลงสาบ ข้าพเจ้าละสายตาจากคนเหล่านั้น หันไปมองที่ชายคนนั้นอีกเช่นเดิม เขายังคงทำแบบเดิม พูดซ้ำซาก วนไปมาอยู่ที่เดิม ใบหน้าที่มั่นใจเสียเหลือเกินทำให้ข้าพเจ้านึกสงสัยว่า เหตุใดชายผู้นี้จึงอยู่ในสถานที่แห่งนี้ … นรก

พระเยซูทรงตรัสว่า “เขาจะเทศนาให้ใครฟังได้หรือ ในเมื่อเขาเองก็เป็นเช่นนั้น นี่แหนะ ผู้คนต่างกินสิ่งปฏิกูลขยะเน่าเสียด้วยความเอร็ดอร่อยมูมมามปานจะถูกแย่งชิง เพราะสิ่งเหล่านี้เอง เขาจึงดูซูบผอม ยิ่งกินยิ่งผอม”

ฉัน : “ไม่ได้สังเกตเลยถึงรูปลักษณ์ของคนเหล่านั้น”
พระเยซู : “ด้วยว่าเขากินอาหารเองตามใจอยาก แม้ชายผู้นั้นก็ทำเช่นเดียวกันเขามีสิทธิอันใดในการเทศนาหรือ? เขาทนงตัวและหยิ่งยโสโอหังคิดว่าตนทำดี ทำได้ และแน่กว่า แต่ความจริงก็ปรากฏต่อตาเจ้าแล้วมิใช่หรือว่า ไม่มีใครสนใจ”
ฉัน : “ทำไมถึงมีคนเทศนาในนรกหละคะ เขาควรอยู่ที่นี่หรือคะ”
พระเยซู : “เขาคิดว่าเขาทำได้ แล้วเขาก็ทำ และเราก็ไม่ได้ห้าม แต่นี่แหละคือที่ของเขา เขาป้อนอาหารให้ผู้คนด้วยคำสอนที่ออกมาจากปากอันโสมมของเขา เขากัดกินและอิ่มเอมด้วยปริมาณคนที่มากเป็นดั่งน้ำหล่อเลี้ยงใจและวิญญาณของเขา และเขาภูมิใจกับเกียรติยศที่เขาอุปโลกเองทั้งนั้น การถวายเกียรติแด่เราเป็นเรื่องโง่งมสำหรับเขา ‘ข้านี่แหละแน่ , ข้านี่แหละทำเอง , ข้าอยากได้อีก , ข้าอยากได้มากขึ้นอีก’  ด้วยว่าทางใดที่ทำให้เขาอิ่ม เขาก็ไม่ลังเล เขาค้นพบว่า โอ้…ทางนี้แหละดีและเหมาะ คือ การอ้างนามของเรา คนต่างชาติก็ทำเช่นนี้ต่อพระของเขา เขาเรียกตัวเองว่า ‘บุตรของเรา’ แต่เขาทำเยี่ยงเดียวกับคนต่างชาติไม่มีผิด เมื่อการพิสูจน์มาถึงเขาบอกว่า ‘ข้าผ่าน’ เมื่อไฟแห่งการหล่อหลอมมาถึง เขากล่าวว่า ‘ข้าแน่’ ไม่มีสิ่งใดต้องกลับใจสำหรับเขา แต่บัดนี้ทุกสิ่งปรากฏแก่ตาเจ้าแล้วว่าเป็นเช่นไร”

ข้าพเจ้ามองพระพักต์พระเยซูด้วยรู้สึกถึงความเสียพระทัยของพระองค์ต่อบุตรที่รักของพระองค์ และพูดไม่ออกได้แต่รู้สึกยำเกรงและเกรงกลัวต่อสิ่งต่างๆ เหลือเกินว่า ข้าพเจ้าได้ทำเช่นนี้บ้างไหม กี่ครั้งกี่คราหรือ???

พระเยซู : “เขาจะเทศนาให้ใครฟังหรือ? ด้วยว่านี่ไม่ใช่เวลาแห่งการกลับใจใหม่อีกต่อไป แต่เราได้พิพากษาไว้แล้ว เหตุฉะนั้นแม้ตัวเองยังไม่กลับใจใหม่เลย แล้วสิ่งที่เขาพ่นออกมาจะมีความหมายอย่างไรหรือ… แม้ผู้คนตรงหน้าจะมากเพียงใด แต่หาสักคนที่ฟังเขาก็ไม่มี เพราะทุกคนต่างกินให้อิ่มด้วยสิ่งที่ตนเลือก ดังนี้พวกเขาทั้งหมดจึงสมควรอยู่ที่นี่ด้วยกัน ไฟกำมะถันที่ร้อนแรง ยังไม่สามารถดับสิ่งที่พวกเขาต้องการได้เลยแม้แต่น้อย”

พระองค์ตรัสต่อไป : “มนุษย์บางคนตั้งธรรมาสขึ้นและกราบไหว้ว่ามันศักดิ์สิทธิ์ดั่งรูปเคารพ ผู้คนแย่งชิงกันยืนหลังธรรมาสด้วยจะได้รับการยกชู แต่เราไม่เคยตั้งธรรมาส เราตั้งเพียงมนุษย์ผู้กล่าวถ้อยคำของเราอย่างสัตย์ซื่อและจริงใจ ด้วยความจริงใจนั่นคือ ใจที่เป็นของเราจริงๆ … โอ้ ลูกเอ๋ย เจ้ารู้แล้ว จงสัตย์จริงต่อถ้อยคำของเรา เพราะเราจะอวยพรผู้ที่ถวายเกียรตินั้นแด่เรา เพราะเราเป็นพระเจ้าผู้นั่งบนบัลลังก์พิพากษาตัดสินเป็นแน่ …       นี่แหนะเราสำแดงแก่เจ้าแล้ว จงหนักแน่นมั่นคงและทำให้เกิดขึ้นเถิด”

พระเจ้าสำแดงกับข้าพเจ้าด้วย 2 ตาที่มองเห็น

24/01/2014 14:17

0Shares