ที่ซ่อนในยามสงคราม‏

By | 2013/12/11

ในเวลาที่เราได้ก้าวเข้าสู่สงครามนั้น อาจจะมีบางช่วงเวลาที่มันยาวนาน  เพราะขนาดแต่ละสงครามยาวนานและหนักหนาไม่เท่ากัน ดังนั้นการเตรียมชีวิตให้พร้อมสำหรับการเข้าสู่ช่วงเวลานั้นจึงสำคัญมาก เพราะเราไม่อาจรู้ระยะเวลาที่จะสิ้นสุดแน่นอนได้เลย และหากการเตรียมเข้าสู่สงครามเป็นสิ่งสำคัญแล้วเพียงใด ในระหว่างที่เราอยู่ในสงครามนั้นยิ่งสำคัญกว่า เพราะเราจำเป็นต้องระมัดระวังทุกย่างก้าวของเรา ทั้งกาย ใจ วิญญาณและความคิด เพราะรอบด้านเราเต็มไปด้วยการล่อลวงให้เราหลงและการโจมตีให้เราล้มลง

และในเวลาเช่นนี้ …เมื่อความเมื่อยล้าและความหนักหน่วงที่ดูเหมือนเกินกำลังของเรา (แท้จริงไม่มีสักสงครามเดียวที่ง่ายดาย แต่ที่เราทำมันได้และผ่านสิ่งที่ยากเย็นไปได้เพราะการช่วยเหลือของพระองค์ ต่างหาก ที่เป็นเช่นนี้เพื่อไม่ให้เราหยิ่งและหลงทางว่า…. “ฉันทำได้ด้วยกำลังของเราเอง”…) บวกกับเวลาที่ยาวนานออกไปเรื่อยๆ เรามองไม่เห็นว่าจะไปอย่างไร นอกเสียจากปลายทางที่ทรงสัญญาแล้ว เรามองไม่เห็นสิ่งอื่นใด ….ทั้ง… เพื่อนร่วมทาง เส้นทางที่กำลังก้าวไป หนทางที่จะจัดการกับศัตรูให้อยู่หมัด …สารพัดสิ่งเริ่มประดังเข้ามาเป็นเหตุผลที่สนับสนุนให้หันหลังกลับหรือ เลิกรากลางคันได้อย่างดี

*** แต่พระองค์ไม่ปรารถนาเช่นนั้น …. :: เมื่อเราอยู่ในสงครามเราไม่สามารถร้องไห้กลับบ้านได้ทุกเมื่อตามความพอใจของ เรา เราไม่สามารถเลิกหรือหยุดกลางคันได้เหมือนการเดิน shopping เพราะ…

1. เราจะเป็นผู้แพ้ในทันที และเราอาจจะเข็ดขยาดกับสงครามครั้งนั้นเลยก็เป็นได้

2. ถ้าเราไม่ชนะ นั่นหมายความว่า การโจมตีและการล่อลวงในสงครามครั้งนั้นจะมีชัยเหนือเราต่อไปได้อีกนาน เท่าที่เราจะลุกขึ้นสู้ต่อไป

3. เราจะสูญเสียกำลังและพลังโดยเปล่าประโยชน์ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาของสงครามครั้งนั้น

4. เราอดรับพระสัญญาที่พระเจ้าให้ไว้กับเราในปลายทางและเราก็ไม่ได้เห็นมันด้วยตา สัมผัสมันด้วยใจ รับมันไว้เป็นประสบการณ์ชีวิตของเราเอง

5. สิ่งสำคัญคือพระเจ้าเสียใจ เพราะ ไม่มีสิ่งใดที่ทรงให้เราแล้วมันเกินกำลังของเราที่จะทนได้….

……..

แต่จะทำไงหละ??? ในเมื่อบางคราเราก็ร้องอยากกลับบ้าน อยากย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้น เพื่อต่อรองกับพระองค์ขอเลื่อนสงครามนี้ออกไป อยากมีใครสักคนมาร่วมสู้กับเรา (ทั้งที่รู้เต็มอกว่าพระองค์นั่นแหละที่อยู่กับเรา แต่บางครั้งมันก็ไม่พอจะรั้งเราไว้จริงๆ) อยากออกจากสงครามนี้ แล้วได้พัก แต่ก็ไม่อยากแพ้  ใจมันยังอยากสู้ต่อแต่หมดสิ้นเรี่ยวแรงและกำลังจะก้าวไป แม้คลานก็จะไม่ไหว อยากนอนแน่นิ่งเฉยๆ ….
เวลาเช่นนี้แหละ.. เมื่อเราร้องทูลพระองค์จากบึ้งลึกของใจเราว่า…”พระองค์ไม่ไหวแล้วแต่ยัง อยากยึดพระองค์ไว้ โปรดอย่าปล่อยมือจากข้าพระองค์ไป โปรดยึดข้าพระองค์ไว้….”
พระเจ้าของเราจะให้ที่ซ่อนกลางสงครามให้กับเรา…

…สงครามยังคงดำเนินต่อไป เรายังคงอยู่ในสงครามครั้งนั้น ในสนามรบที่ดุเดือดไม่น้อยลงเลย แต่ในห้วงจิตวิญญาณของเราจะถูกโอบล้อมอย่างหนาแน่น ศัตรูจะมองหาเราไม่เจอ…ที่ตรงนั้นจะเป็นที่ให้เราพักเพื่อเอาแรงและรับการรักษาจนกว่าเราจะสามารถลุกขึ้นใหม่ กำลังใหม่และใจฮึกเหิมอย่างอัศจรรย์จะมาถึงเรา เพื่อให้เราชนะสงครามครั้งนั้นอย่างราบคาบ

ภาพ : เหมือนอุโมงกลางอากาศ กลางสงครามที่ซ่อนเราอย่างมิดชิด

1. สงครามไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผ่าน  แต่เมื่อพระองค์ทรงเรียกเรา พระองค์ผู้สัตย์ซื่อจะทรงปกปักษ์รักษาเราเสมอ เราแทบไม่ต้องทำอะไรเลยนอกเสียจากยืนอยู่ในจุดที่พระองค์ให้เรายืนและทำในสิ่งที่ทรงบอกเรา รวมถึงไม่ทำในสิ่งที่พระองค์ห้ามหรือเตือนเราเช่นกัน

2. เราสามารถพักสงบได้ท่ามกลางสงครามรอบด้านยังคงดำเนินไป เพราะจะมีที่ๆ พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้เรา

3. พระเจ้าไม่อยากให้เราล้มเลิกกลางคัน พระองค์จะมีบางสิ่งมาหนุนใจและช่วยเหลือเราตลอดเส้นทาง ขอเพียงสิ่งเดียวคือ ใจสู้และไม่โดดออกมาเอง

4. ไม่ใช่ทุกสงครามเราจะมีชัย แต่ยิ่งครั้งไหนเรายิ่งเกาะพระองค์ไว้เราจะยิ่งได้เห็นและรู้จักพระองค์มากยิ่งขึ้น บทเรียนบางอย่างได้มาด้วยการพลาดพลั้งแต่ไม่ยอมปล่อยมือจากพระองค์

5. เราจะมีชีวิตอยู่ในการสรรเสริญพระเจ้าจากประสบการณ์จริงในชีวิตของเรา การโจมตีและการล่อลวงในสงครามนั้นจะไม่สามารถมีชัยเหนือเราได้อีกต่อไป เราจะไม่ตกเป็นทาสของมันอีกต่อไป

6. จงเรียนรู้ที่จะอยู่ในเวลาของพระเจ้าแต่ละช่วงอย่างตักตวงเต็มที่ เวลาพักก็พักเต็มที่ เวลาศึกษาก็ค้นคว้าเต็มที่…เพราะจะมีเวลานั้นแน่นอน >> สงครามที่เราต้องเข้ารบ และเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ และมันไม่ใช่สงครามเดียวสำหรับเรา


19/10/2011 1:33

0Shares