คุณค่าที่คู่ควรแก่แผ่นดินสวรรค์

By | 2013/11/22

ดินแดนสวรรค์เป็นสถานที่ที่…. ใครก็ตามที่เชื่อก็ได้ก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างทุกข์นิรันดร์(นรก) กับสุขนิรันดร์(สวรรค์) เป็นที่เรียบร้อย

แต่ใครหนอจะคู่ควรกับแผ่นดินนั้น??

ในแผ่นดินสวรรค์จะมีคน 2 ประเภทอยู่ที่นั่น เปรียบเหมือนเจ้าของบ้านร่วมกับพระองค์กับผู้อาศัย  เราต่างได้อยู่ในที่เดียวกันแต่เรากับมีฐานะและสิทธิ์ในการถือครองต่างกัน หรือ ที่หลายคนเรียกว่า  “สง่าราศีต่างกัน”

~ ที่เราแต่ละคนกำลังถูกสร้างกันอยู่บนโลกนี้ เพื่อเราจะสามารถเป็นคนที่มีคุณสมบัติพร้อมและเพียงพอสำหรับการเป็นเจ้าของ แผ่นดินสวรรค์ร่วมกับพระองค์
ที่นั่นจะมีการพิพากษาที่เราต้องร่วมเคียงข้างกับพระองค์ หากชีวิตของเราปวกเปียก เราจะไปกล้านั่งตรงนั้นเพื่อร่วมกับพระองค์ได้อย่าง ไรกัน

~ อย่าลืมว่า แต่แรกเดิมเราตกหล่นจากคุณสมบัติทั้งปวง แม้แต่ในเอเดนยังต้องปิดตายด้วยคุณสมบัติไม่ถึงของเรา ดังนั้นกว่าเราจะสามารถเป็นคนนั้นที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการจนกว่า จะถึงขีดที่ “ผ่านแล้ว” ย่อมต้องผ่านกระบวนการนานัปการอย่างรอบด้าน ตามแต่พระองค์จะสร้างเราแต่ละคน
บนโลก

~ ความยากลำบากเป็นตัวขัดขวางการเป็นเจ้าของบ้านที่ดีของเรา เพราะมันมักทำให้เราลดระดับลงเพื่อแลกกับการผ่อนคลายความยากเย็นแสนเข็ญ ลงสักนิด ความยากลำบากไม่เคยทำให้เราระลึงถึงสวรรค์ได้เท่าวันแสนสุข

~ ความเข้าใจผิด (จากคนที่เราไว้วางใจ หรือจากคนที่เราไม่เคยรู้จักมักคุ้นเลยด้วยซ้ำ หรือจากการบิดเบือนไปจากสิ่งที่ควรเป็น สรุปมันคือ ความเข้าใจผิดทุกรูปแบบ)  มักสั่นคลอนความมั่นคงในสิทธิ์อันชอบธรรมของเราเสมอ …เป็นที่แน่นอนว่าเมื่อเรามาเชื่อพระเจ้าเราได้รับสิทธิ์ในการอยู่ร่วมใน แผ่นดินสวรรค์กับพระองค์และผู้เชื่อทุกคน แต่การจะอยู่ร่วมกันในลักษณะใดนั้นเป็นอีกเรื่องนึง

1. บรรดาผู้ที่จ่ายราคาบนโลก ยิ่งสูงเท่าไรก็ยิ่งได้รับการตีตรา ว่า “ใช้การได้” มากเท่านั้น

2. โลกนี้ไม่เป็นเพียงสนามฝึก แต่ยังเป็นที่สร้าง และทดสอบตัวเราเองด้วยเช่นกัน ดังนั้นการจะวัดว่าเราผ่านหรือไม่ พระองค์วัดตอนเราอยู่บนโลกนี้ เราจึงมีโอกาสเต็มที่ทุกอย่างในโลก เราผิดพลาด เราก็ลุกได้ เราล้มเราก็ก้าวไปข้างหน้าได้ เราสอบตกเราก็สอบใหม่จนกว่าจะผ่านได้ แต่ถ้าเราไม่สนใจที่จะตอบสนองพระองค์ในโลกนี้ โอกาสการเปลี่ยนแปลงไม่ได้มี ในที่ สวรรค์ นั้น เพราะที่นั่น เวลานั้น เราจะรับบำเหน็จและครอบครองในทันที ไม่มีการแก้ตัวสำหรับการที่เราได้มันน้อยเกินคาด

3. ทุกสิ่งวันนี้ไม่ใช่เพื่อผู้อื่น แต่เพื่อตัวเราเป็นที่สูงสุด…บางครั้งเราอาจคิดว่าที่เราต้องอดทนให้ผ่าน เพื่อวันนึงจะเป็นพรต่อผู้อื่นได้ แท้จริงนั่นเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น การที่คนๆหนึ่งจะช่วยผู้อื่นและหนุนใจคนอื่นได้นั้น เป็นอีกกระบวนการหนึ่งที่พระเจ้าก็ใช้เราเพื่อมีส่วนในการสร้างชีวิตเขาด้วย ต่างหาก เขาอาจเรียนรู้จากสิ่งที่เราผ่านแล้วเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ เป็นที่หนุนใจ เป็นคำชี้แนะ ก็เป็นได้ หรือการที่เราผ่านบางเรื่องมาก่อนเราก็สามารถช่วยคนที่ยังไม่ผ่านได้เช่น กัน…แต่ไม่ว่าเรายืนอยู่ตรงไหนของกระบวนการนั้น ก็เพื่อตัวเราจะสามารถเข้าสู่การคู่ควรแก่แผ่นดินของพระองค์ทั้งสิ้น

15/11/2011 22:59

0Shares