ความปรารถนาที่มากขึ้นกับการเรียกร้องที่มากขึ้นเป็นเงาตามตัว

By | 2014/03/24

☆ เมื่อความเจ็บปวดปะทุขึ้น ประตูแห่งการเยียวยาก็เปิดออกตรงหน้าแล้ว…
☆ เมื่อเรียกหาพระเจ้า แผ่นดินของพระองค์ก็มาตั้งอยู่ตรงหน้าแล้ว…
☆ เมื่อร้องขอการช่วยกู้ พระเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์พระองค์ออกมาแล้ว ตรงหน้าเรา…
แต่มนุษย์มักอยากรับในสิ่งที่ตนอยากได้ แต่ไม่พึงอยากจะจ่ายออก หรือสูญเสียสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย กอดรัดมันไว้แน่น แม้พระเยซูอยู่ตรงหน้าก็ตามที

ลก.18:18-25
18:18 มีขุนนางผู้หนึ่งทูลถามพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ผู้ประเสริฐ ข้าพเจ้าจะทำประการใดจึงจะได้ชีวิตนิรันดร์เป็นมรดก”
18:19 พระเยซูตรัสถามคนนั้นว่า “ท่านเรียกเราว่าประเสริฐทำไม ไม่มีใครประเสริฐเว้นแต่พระเจ้าองค์เดียว
18:20 ท่าน รู้จักพระบัญญัติแล้วซึ่งว่า ‘อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา อย่าฆ่าคน อย่าลักทรัพย์ อย่าเป็นพยานเท็จ จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของตน’”
18:21 คนนั้นจึงทูลว่า “ข้อเหล่านี้ข้าพเจ้าได้ถือรักษาไว้ตั้งแต่เป็นเด็ก ๆ มา”
18:22 เมื่อพระเยซูทรงได้ยินอย่างนั้นพระองค์ตรัสแก่เขาว่า “ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายบรรดาสิ่งของซึ่งท่านมีอยู่และแจกจ่ายให้คนอนาถา ท่านจึงจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ แล้วจงตามเรามา”
18:23 แต่เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้นก็เป็นทุกข์นัก เพราะเขาเป็นคนมั่งมีมาก
18:24 เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นเขาเป็นทุกข์นัก พระองค์จึงตรัสว่า “คนมั่งมีจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าก็ยากจริงหนา
18:25 เพราะว่าตัวอูฐจะรอดรูเข็มก็ง่ายกว่าคนมั่งมีจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้า”

 

ความปรารถนาที่มากขึ้นกับการเรียกร้องที่มากขึ้นเป็นเงาตามตัว

เศรษฐีจะรอดรูเข็มก็ยากเสียยิ่งกว่า

คนเราเมื่อความปรารถนามากยิ่งขึ้น ความต้องการมากยิ่งขึ้น กลับหลงลืมไปว่า การเรียกร้องในการจ่ายราคาหรือการลงทุนย่อมมากขึ้นเป็นเงาตามตัวด้วย

พื้นฐานการเดินติดตามพระเจ้า คือ… การรักษาบัญญัติ ซึ่งเศรษฐีคนนี้ไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อยในการรักษาบัญญัติเหล่านั้น เป็นการเปิดประตูนำพระพรเบื้องต้นมาสู่ชีวิตเขา แต่เมื่อเขาปรารถนาจะติดตามพระเยซูมากยิ่งขึ้น การจ่ายราคาที่ดูเหมือนเป็นการเรียกร้องจากพระเยซูทำเอาเขาทุกข์ใจด้วยสิ่งที่มี ซึ่งก็เป็นผลมาจากการอวยพระพรของพระเจ้าอยู่ดี

เศรษฐีผู้มั่งคั่งไปด้วยทรัพย์สมบัติ การอวยพรนี้ ย่อมมาจากพระเจ้าเป็นแน่ด้วยการถือรักษาบัญญัติเป็นอย่างดี เขาคิดว่าต้องการขยายขอบเขตชีวิตที่จะติดตามพระคริสต์มากกว่านี้ ด้วยการถามพระเยซูถึง ‘ทำสิ่งใดหรือ?ข้าพเจ้าจึงจะได้แผ่นดินสวรรค์มาครอบครอง’  เขาคิดคำนวนในใจภายในแล้วว่า…  เขารวยขนาดนี้ เพราะถือบัญญัติมาอย่างดี หากจะให้เขาถือบัญญัติที่เพิ่มขึ้นอีกแลกกับการขยายขอบเขตพรมแดนชีวิต นั่นเป็นการลงทุนที่เขาพร้อม…

!!! แต่คำตอบของพระเยซูกลับทำเอาเขาเครียด จนต้องละพระองค์ออกไป การเรียกร้องของพระเยซูกลับไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคำนวนไว้เลยสักนิด แต่ตรงข้าม!!! กลับให้เขาขายสิ่งสารพัดที่มี ที่อุตส่าห์สั่งสมและถือครองมา ขัดใจของเขาเป็นที่สุด ทั้งผิดหวัง ผิดแผน

หลายครั้งสิ่งที่พระเจ้าเรียกร้องจากเรา อาจไม่ใช่สิ่งที่เราคิดคำนวนให้พระองค์เดินตามแผนของเรา แล้วก็อวยพรเราตามใจปรารถนาด้วยแผนของเราเอง  เราใช้การอวดอ้างสรรพคุณงามความดีที่เคยทำ โดยหาได้ยกเกียรตินั้นให้แด่พระเจ้า กลับหาผลประโยชน์จากการนั้นแทน …  แท้จริงพระพรมีไว้นับ เพื่อระลึกถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่ทรงกระทำต่อเรา และเพื่อเตือนเราไม่ให้หลงลืมพระคุณพระองค์  การเดินตามบัญญัติเป็นเพียงส่วนของเรา มันใช้เคลมพระสัญญาของพระองค์ได้ ด้วยว่าพระลักษณะพระเจ้าไม่เคยบิดพลิ้ว แต่ไม่สามารถเอามาเรียกร้องผลประโยชน์ต่อพระเจ้าได้

เหตุนี้เองคนจำนวนมากมายที่ไม่สามารถไปไกลกว่าที่เป็นได้ ไม่สามารถลึกกว่าที่ยืนอยู่ได้ ไม่สามารถขยายขอบเขตชีวิตมากกว่าที่มีได้ ไม่ใช่เพราะพระเจ้าไม่ทำ ไม่ใช่ว่าใจเราไม่เรียกหาพระองค์ … แต่เพราะกอดรัดสิ่งที่มีมากกว่าพระเยซูผู้ประทับอยู่ตรงหน้า

คำตรัสของพระเยซูที่ว่าแม้อูฐรอดรูเข็มยังง่ายกว่าคนมั่งมี เป็นคำเปรียบเปรยให้เห็นถึงน้ำหนักของความยากของผู้ที่กอดรัดสิ่งต่างๆ ในชีวิต จะยอมคลายมือออก เมื่อยิ่งกอดรัดแน่นเท่าไร ยิ่งห่างไกลสิ่งที่เขาร้องทูลต่อพระองค์ ดังนี้เองหลายคนจึงเลือกวิถีทาง เช่นเศรษฐีคนนี้ คือ เลือกที่จะละพระองค์ไป ดีเสียกว่าละสิ่งที่มี  เลือกที่จะมีและเป็นเท่านี้ แทนการลึกขึ้น ใกล้ขึ้น หากต้องละสิ่งที่มี และด้วยเหตุนี้นี่เองแผ่นดินสวรรค์จึงไม่คู่ควรต่อผู้ที่หลงลืมไปว่าสิ่งที่ตนกอดรัดอยู่นั้น มาจากพระองค์ผู้ทรงอวยพรให้ แทนจับมือพระองค์แล้วก้าว เขาเลือกกอดรัดสิ่งนี้แล้ววิ่งหนีไปให้ไกลเสียดีกว่าจะเสียมันไป

 

ความปรารถนาที่มากขึ้นกับการเรียกร้องที่มากขึ้นเป็นเงาตามตัว

1. อย่าคิดกำหนดแผนการณ์ใดๆ ให้พระเจ้าก้าวตามเลย  เพราะแท้จริงเรามิใช่หรือ??? ที่ต้องถ่อมใจลงก้าวตามพระเจ้า เพราะทรงเป็นพระเจ้ามิใช่หรือ?

2. ความปรารถนาที่จะได้รู้จักใกล้ชิดพระเยซูมากขึ้น ความต้องการจะครอบครองแผ่นดินของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น ย่อมต้องจ่ายราคาออกมากขึ้นเป็นแน่
** อยากได้เงินต้องลงทุน อยากได้แผ่นดินของพระเจ้าต้องจ่ายราคา
แต่ละสิ่งมันมีมูลค่าสำหรับการจ่ายที่ต่างกัน ไม่สามารถทดแทนด้วยการอุปโลกเองภายในได้ ว่า ‘มันแทนกันได้’

3. คนจำนวนมากเชื่อพระเจ้า แต่คนจำนวนน้อยที่เดินตามพระองค์ และคนจำนวนน้อยเหลือเกินที่ยินดีติดตามพระองค์ไปในทุกส่วนของชีวิต

ภาพผู้คนในยุคพระเยซู

คน ได้ยินเรื่องพระเยซู (มีคนเล่าต่อๆ กันมา) >> คนมาขอพบพระเยซู (พวกต้องการการรักษาโรค พวกมาฟังคำสอน) >> คนขอติดตามพระเยซูไปที่ต่างๆ (ที่พอจะไปได้ เช่น ไม่ไกลบ้านมากนัก ไม่ตรงกับวันทำกิน) >> คนที่เป็นสาวก (ไปไหนไปด้วย 24 ชม.ตลอด 3 ปี)

4. อย่าคิดขยายขอบเขตชีวิตให้มากขึ้น  หากไม่คิดจะจ่ายออก เพราะมันไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย นำแต่จะทุกข์โศกดั่งเศรษฐี

5. เมื่อพระเยซูเสด็จมานั่นหมายถึงแผ่นดินของพระเจ้ามาตั้งอยู่ตรงหน้าเราแล้ว (ส่วนของพระคุณพระเจ้า) เหลือแต่เพียงการคว้าไว้ให้ได้เท่านั้นเอง (ส่วนของเรา)

11/03/2014 14:45

0Shares