Category Archives: ความจริงอีกด้าน

○ ประสบการณ์ตรงบางส่วนเล็กๆ เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้
¤ สรรค์
¤ นรก
¤ แดนมรณา
¤ ทูตสวรรค์

โลก : พระวจนะเพื่อตนเอง

“ด้วยว่านี่แหนะถ้อยคำและพระวจนะของเราหาใช่ เพื่อจาบจ้วงผู้ใด แต่เราให้เพื่อเป็นพระสัญญาระหว่างเจ้ากับเรา ระหว่างชนชาติของเราต่อเราผู้เป็นพระเจ้าของเขา ผู้ใดใช้ถ้อยคำของเราเพื่อจ้วงแทงผู้อื่น เราจะเป็นผู้ชันสูตรและตัดสินผู้นั้นด้วยตัวเราเอง ด้วยดาบที่มีในมือเขากลับใช้เพื่อเสียดแทงผู้อื่น พระปัญญาของเราสูงกว่าเล่ห์เหลี่ยมของมนุษย์ พวกเขามักคิดว่าความฉลาดนั้นปัดป้องความบิดเบือนแห่งจิตใจชั่วร้ายที่ซ่อนเร้นอยู่ ด้วยพยายามแสวงหาถ้อยคำสนับสนุน แต่… นี่แหนะเราเป็นผู้สร้างและริเริ่มถ้อยคำเหล่านั้น เราเป็นผู้ตั้งถ้อยคำนั้นด้วยตัวเราเอง ใครหรือจะปิดซ่อนจากปัญญาอันน้อยนิดของเราได้  เมื่อเราชันสูตรทุกสิ่งจะปรากฏ เมื่อเราขยับมือของเรา บรรดาผู้คร่าความจริงจะได้อาย ด้วยว่าผู้ใดที่ใช้ถ้อยคำของเราดั่งพระสัญญามั่นคงระหว่างเขาเองกับเราผู้เป็นพระเจ้าของเขา จะได้รับความชื่นชม แต่บรรดาผู้ใช้มันเพื่อจาบจ้วงคนอื่นดั่งแทงมีดพุ่งเข้าใส่ เรานี่แหละจะทำให้เขาอกตรม ด้วยว่าเรานี่แหละจะพิสูจน์ตรวจลึกกว่าจิตใจของมนุษย์ เค้าโครงและแนวการกระทำ” พระเจ้าทรงตรัสแก่ข้าพเจ้า     ภาพ : คนถือดาบไว้ในมือ แล้วพุ่งเป้าที่ผู้อื่น จ้วงเข้าที่คนอื่น ซึ่งแท้จริงดาบนั้นทรงมอบให้แก่เราเป็นดั่งของขวัญอันล้ำค่าคู่ควรแก่การรักษาไว้เป็นอย่างดี อีกทั้งฝึกฝนจนกระทั่งคมชัดในการเป็นหนึ่งเดียวกันกับดาบในมือที่ทรงมอบให้         “ข้าแต่พระเจ้าผู้ชันสูตรจิตใจลึกภายในแทงทะลุทุกส่วนที่ฝังลึก … ขอโปรดให้ถ้อยคำความจริงแห่งพระวจนะของพระองค์ฝังลึกภายในจิตวิญญาณความคิดเพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะไม่พลาดพระสัญญาใดๆ ของพระองค์ แต่ด้วยว่าขอทรงปกป้องจากการหลอกลวงทั้งสิ้น ไม่ว่าจากทางใด แม้แต่จิตใจที่หลอกลวงของตนเอง เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะเป็นของพระองค์ เป็นชนชาติของพระองค์ดั่งอิสราเอลบุตรที่รักและหวงแหนของพระองค์… ขอทรงทำงานภายในเพื่อการกลับใจใหม่จะไม่ช้าอยู่สำหรับข้าพระองค์ อธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน” 1. เพราะผู้ที่ชันสูตรคือ พระเจัา เพราะพระองค์เท่านั้นที่ทรงสัพพัญญูและยุติธรรม 2. รักษาพระวจนะและถ้อยคำของพระองค์… Read More »

สวรรค์ : ความบริสุทธิ์ที่ดึงดูด

ปุยเมฆสีขาวลอยฟุ้งอยู่ปลายเท้า ให้ความรู้สึกนุ่มนวล สงบ สบายและอุ่นใจเหลือเกิน เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยและเรียกหาอยู่เนืองๆ เมื่อเงยหน้าขึ้น ละสายตาจากปลายเท้า มองไปรอบๆ ตัว ปุยเมฆบางๆ เหล่านี้ได้โอบล้อมกายของข้าพเจ้าทุกส่วน … มองตรงไปเบื้องหน้าเมฆจะค่อยๆไล่ระดับจากบางไปหนาทึบขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเบื้องปลายมองไม่เห็นอะไรเพราะความหนาทึบของเมฆ ปลายสุดทางเป็นช่องประตูใหญ่โอ่อ่าตระการตาเปิดกว้าง มีลำแสงขนาดใหญ่ดั่งดวงอาทิตย์สะท้อนแสงออกมาจากประตูความสว่างจ้าทำให้แสบตาจนลืมตาไม่ขึ้น แม้หลับตาก็ยังรู้สึกแสบตาเพราะความสว่างจ้าอย่างรุนแรงของแสงสีทอง ดั่งดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน… มองดูอีกทีจึงรู้ว่าตัวเองยืนอยู่บนบันไดที่กำลังทอดยาวสู่ประตูนั้น เส้นทางของบันไดช่างยาวสุดลูกหูลูกตา  ความกว้างของบันไดไม่มากนัก เพียงพอที่จะเดินแบบคนเดียวได้สบายๆ แต่ไม่สามารถเดินเบียดเสียดกันได้ (เพราะรู้สึกว่าไม่น่าจะมีการเบียดกัน) ตัวข้าพเจ้ากำลังเดินขึ้นบันไดทีละขั้นอย่างช้าๆ และมั่นคง แต่ละก้าวค่อยๆ ขึ้นไปด้วยความชันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ไม่รีบร้อนอันใด อีกทั้งสายตาที่จดจ้องอยู่ที่ปลายทาง คือ … ประตูนั้น ทำให้ใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นและยำเกรงภายในลึกๆ จึงไม่กล้าเร่งฝีเท้า … ทุกๆ ก้าวที่เข้าใกล้ประตูรู้สึกเหมือนเสื้อผ้าที่ตัวเองกำลังใส่อยู่ค่อยๆ เปลี่ยนไป เริ่มขาวสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ กระโปรงที่ยาวรุ่มร่ามไม่สะดวกสบายต่อการก้าวเดินขึ้นขั้นบันได ค่อยๆ สั้นลงจนกระทั่งคลุมปลายเท้าพอดีไม่ทำให้ไม่สะดุดหรือติดขัดเวลาก้าวเดินอีกต่อไป  สิ่งที่สวมใส่อยู่บางชิ้นค่อยๆ หลุดออกทีละชิ้น ทีละส่วน เสมือนว่ายิ่งเดินขึ้นสูง บางสิ่งก็ไม่สามารถใส่ติดตัวไปได้จึงหลุดออกไปทีละชิ้น ทีละก้าว ทีละขั้น ไม่เพียงเสื้อผ้าหน้าผมเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แม้แต่ร่างกายก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป สัมผัสได้ผ่านเนื้อหนังที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปจนรู้สึกได้ที่ผิวหนังและมีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายใน… Read More »

ทูตสวรรค์ : ทูตสวรรค์ดีดพิณ

ทูตสวรรค์ร่างใหญ่กว่ามนุษย์ปกตินิดหน่อย ใส่ชุดสีขาวขุ่นๆ คล้ายผ้าดิบนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่พนักพิงเป็นซี่ๆ สีขาวโปร่งแสง ในมือของทูตสวรรค์ตนนี้ถือพิณตัวใหญ่ตั้งฉากกับพื้น พิณมีลักษณะสีน้ำตาลประกายทองและเงิน มีสายสีทองสลับเงินสะท้อนออกมาเป็นแสงคล้ายสีรุ้งอ่อนๆ ระเรื่อๆ นิ้วมือบรรจงดีดพิณ สายตามุ่งมั่นดูหนักแน่นมั่นคงและยำเกรง บรรยากาศของเสียงเพลงที่ลอยมากระทบหูของข้าพเจ้า แสดงถึงการทรงประทับอยู่ขององค์ผู้บริสุทธิ์และสัตย์จริง สัมผัสได้ถึงความขึงขังจริงจังของทูตสวรรค์ตนนี้ที่ยำเกรงและพยายามสื่อออกมาถึงทุกสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ ณ เวลานี้ ลักษณะของทูตสวรรค์ตนนี้มองดูคล้ายชายผู้บึกบึน อีกทั้งแข็งแกร่ง เข้มแข็งประดุจดั่งนักรบที่สวมใส่ชุดเกราะครบเครื่องพร้อมสำหรับการออกรบและประจัญหน้าต่อทุกสิ่งที่รู้อยู่แก่ใจด้วยว่าเบื้องหน้า…คือ…สงครามแบบใด และยุทธศาสตร์ต้องเป็นไปอย่างไร อีกทั้งสายตาที่แน่วแน่ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าคือชัยชนะและธงชัย เสมือนกับจะทำให้ศัตรูพ่ายแพ้เสียแต่ยังไม่ต้องเริ่มด้วยซ้ำ… แต่มองดูก็คล้ายหญิงสาวที่อ่อนโยนและอ่อนละมุนที่กำลังบรรเลงบทเพลงท่ามกลางแสงที่กระทบทำให้ความงามนั้นยิ่งชัดเจนและเด่นขึ้น บทเพลงนั้นกำลังบรรเลงมอบถวายแต่องค์พระเยซูที่ประทับ ณ เบื้องหน้า ยิ่งส่งเสริมทำให้การมองเห็นพระเยซูชัดเจนแจ่มแจ้งจนกระทั่งแทงทะลุเข้าไปยังความรู้สึกภายในถึงความอ่อนละมุนที่พระเยซูมีและทรงสมควรแก่การสรรเสริญเพียงใด เห็นทูตสวรรค์งดงามแล้ว แต่ความงดงามนั้นก็เพื่อที่จะสรรเสริญองค์พระเยซูผู้ประทับอยู่เบื้องหน้า พระรัศมีและสง่าราศีของพระเยซูทำให้เสียงบทเพลงของทูตสวรรค์เป็นเพียงเสียงที่ขานรับความงดงามอย่างหาที่สุดไม่ได้ หาที่เปรียบก็ไม่ได้และบรรยายถึงพระองค์ผู้ทรงสมควร แลดูองค์พระเยซูทอดพระเนตรมาทางข้าพเจ้า ทำให้ความรู้สึกที่ตื้นตันได้เอ่อล้น ทรงสัมผัสและรับรู้ถึงความรู้สึกข้างในของข้าพเจ้า ณ เวลานี้ และตัวเองกลับพบว่ามันไม่สำคัญเลยว่า ข้าพเจ้าจะต้องเผชิญสิ่งใด ขอแต่เพียงได้เผชิญหน้ากับพระองค์ก็คุ้มแล้วซึ่งทุกสิ่งที่ยอมวางลง… จากการเพ่งมองดูและเพลิดเพลินกับบทเพลงที่บรรเลงอยู่ในชั่วขณะหนึ่ง เมื่อได้สัมผัส ได้แลเห็นองค์ประกอบตรงหน้าอย่างครบถ้วนรอบๆ แล้ว ในทันใดนั้นทูตสวรรค์ตนนี้ก็ได้ลุกขึ้นจากที่นั่งของเขา ข้าพเจ้าถึงกับตะลึงในสิ่งที่ตาเห็นเพราะร่างของเขาไม่ได้ใหญ่กว่ามนุษย์เพียงเล็กน้อยเหมือนตอนที่นั่งเลยสักนิด … ความสูงใหญ่ของทูตสวรรค์ตนนี้มีขนาดใหญ่จนชนเพดาน เหมือนต้องก้มหน้าลงด้วยซ้ำ เพราะพื้นที่คับแคบไปเสียแล้ว ปีกทั้ง 2 ได้สยายออกพร้อมๆ กับเหลียวหน้ามามองข้าพเจ้าและยิ้มมุมปากด้วยความเคร่งขรึม พร้อมทั้งเอ่ยว่า “บริสุทธิ์ บริสุทธิ์… Read More »

สวรรค์ : ชัยชนะของความบริสุทธิ์

♥ “ในบรรดาคนที่ล้มลงก็มีคนที่รักเรามาก และติดตามเราเป็นอย่างดีด้วย แต่เมื่อถึงวันหนึ่งเขาก็หันหนีไปจากเรา แล้วเจ้าหละ” พระเยซูตรัสถามข้าพเจ้า   ในขณะนั้นเองนกพิราบสีขาวนวลเหลือเกินแบบไร้ที่ติ ก็ปรากฏตรงหน้า พระเยซูตรัสว่า “ลูกเอ๋ยจงเรียนรู้จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ของเรา เราจะสอนถึงวิถีแห่งชัยชนะแก่เจ้า” ข้าพเจ้าลืมตามองและจ้องไปที่นกพิราบสีขาวนวลที่กระพือปีกเบาๆ อย่างนุ่มนวลนิ่งอยู่ในระดับสายตา เผชิญหน้ากันระหว่างข้าพเจ้ากับนกพิราบขาว ดวงตาประสานกัน ข้าพเจ้าจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีแดงก่ำของนกพิราบเหมือนถูกสะกดไว้ให้หยุดนิ่งอยู่ที่นกพิราบตัวนี้ พระเยซู : “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดนกพิราบ(พระวิญญาณบริสุทธิ์) จึงมีชัยชนะเหนืองู(มารซาตาน)?” ข้าพเจ้าพยายามครุ่นคิด แต่ก็คิดไม่ออกเลย นกพิราบจะชนะงูได้อย่างไร ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเชื่อเช่นนั้นมาตลอดด้วยความรู้ที่เคยได้ยินมาและเพราะว่าพระคัมภีร์กล่าวเช่นนั้น   มธ.10:16 ดูเถิด เราใช้พวกท่านไปดุจแกะอยู่ท่ามกลางฝูงสุนัขป่า เหตุฉะนั้นท่านจงฉลาดเหมือนงู และไม่มีภัยเหมือนนกเขา พระเยซู : “เพราะงูอยู่ติดดินต่ำสุด แต่นกพิราบบินสูงสู่ท้องฟ้า  มันจะไม่เอาตัวเองลงไป” ในขณะนั้นเองภาพของงูจำนวนมากที่ชูคอขึ้นสูงสู่อากาศทำให้มันตายเหมือนถูกแขวน พระเยซู : “เราจะแบ่งชั้นของความชั่วกับความบริสุทธิ์ ระหว่างความบาปกับความบริสุทธิ์ เราจะแบ่งชั้นออก แยกมันออกอย่างชัดเจน … ความบริสุทธิ์ไม่มีวันพ่ายแพ้ เพราะพระบิดาได้ตั้งไว้แล้ว  *** นี่แหนะ!!!ทรงตั้งไว้แล้ว…ใครหรือจะเปลี่ยนได้” ในขณะนั้นเองข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์ 2 ตนที่คุ้นเคยเป็นอย่างดียืนขนาบซ้ายขวา คือ เครูบ และเสราฟิม เมื่อข้าพเจ้าลุกขึ้นก้าวเท้าออกไป… Read More »

สวรรค์ : สวนเอเดน

ข้าพเจ้าใส่ชุดขาวผ้าโปร่งยาวลากพื้นนั่งอยู่บนรถเข็น โดยมีพระเยซูเป็นผู้เข็นอยู่รถนั้นอยู่ด้านหลัง แต่ขาและเท้าของข้าพเจ้าไม่ได้เป็นอะไรเลย พระพักตร์ของพระเยซูยิ้มด้วยความอบอุ่น สายตาเต็มไปด้วยความเมตตาเปี่ยมไปด้วยความสงบสุข พระเยซูทรงเข็นรถให้กับข้าพเจ้า ส่วนข้าพเจ้าก็หันมองดูรอบๆ ทรงพาเข้ามาท่ามกลางไม้ดอก ไม้ผลนาๆ ชนิด เหล่าผีเสื้อหลากสี บินว่อนล้อมหน้าล้อมหลัง ข้าพเจ้าเพลิดเพลินและสนุกสนานกับการที่ผีเสื้อบินมาตอมและให้จับสัมผัสกับตัวมัน สีของมันช่างสดจนกระทั่งรู้สึกได้เลยว่ามันดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก เห็นถึงลวดลายของผีเสื้อได้อย่างชัดเจน กลิ่นหอมของดอกไม้อบอวนเต็มไปหมดทั่วพื้นที่  ได้ยินเสียงน้ำไหลเอื่อยๆ และสารพัดสิ่งมีชีวิตกำลังรื่นเริง เสมือนจะประชันเสียงกัน แต่ก็กลับประสานเสียงเป็นบทเพลงที่ไพเราะก้องกังวานและมีชีวิตชีวาอย่างลงตัว พาให้อดยิ้มร่าไปด้วยความตื่นเต้นกับสิ่งรอบกายไม่ได้ …. ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับความงดงาม ความสวยงาม ตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หัวเราะไป ชวนพระเยซูดูไป แต่พระองค์ก็ทรงยิ้มพรางกับเข็นรถไปเรื่อยๆ ยิ่งเข็นไปไกลมากเท่าไร สังเกตที่ชายกระโปรงก็ยิ่งยาวออกไปเรื่อยๆ พลิ้วไปกับสายลม แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเข็นรถนั้นของพระเยซูเลยสักนิด เมื่อข้าพเจ้าเหลือบหันไปมองแล้วก็รู้สึกแอบปลาบปลื้มใจเสมือนว่าพิเศษสุดๆ สำหรับหญิงสาว สักครู่หนึ่งข้าพเจ้าสังเกตุเห็นบรรยากาศโดยรอบด้านเปลี่ยนไปจนรู้ตัวอีกทีก็มีเสียงผุดภายในว่า “นี่คือเอเดน” เข้าไปอยู่ในสวนเอเดนตั้งแต่เมื่อไรยังไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ… ณ เอเดน ต้นไม้นั้นเด่นตระง่านตั้งอยู่บนเนินดินที่สูงขึ้นมาเล็กน้อยจากพื้นผิวทั่วๆ ไป โดยรอบของฐานต้นไม้นี้ มีสายน้ำเล็กๆ ล้อมรอบ แต่มองลักษณะภายนอกของต้นไม้นั้นแล้วก็เหมือนๆ กับต้นอื่น ไม่ได้มีลักษณะเด่นหรือแตกต่างไปจากต้นอื่นๆ มากนัก ข้าพเจ้าถามพระเยซู “พระองค์เจ้าข้า นี่คือเอเดนหรอค่ะ” ในขณะที่ตัวเองกระโดดออกจากรถเข็น ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ต้นไม้นั้นยิ่งขึ้น ตื่นตระหนกกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า… Read More »

ทูตสวรรค์ : ทูตสวรรค์ประจำบ้าน‏

วันนั้นตอนข้าพเจ้ากำลังอาบน้ำอยู่ก็เห็นคน 3 คน เดินไปมาในบ้านเป็นเหมือนเงาที่มีลักษณะคล้ายคน แต่ดูมีพลังและบางครั้งก็ดูมีแสงสะท้อนแว็บๆ เหมือนกระจกที่กระทบกับแสงแดดออกมาจากเงานั้นด้วย แต่เวลานั้นเป็นเวลาประมาณ 22:00 น.แล้วจะมีแสงอาทิตย์จากไหนได้ หลอดไฟบ้านก็เป็นแบบแสงสีขาวหลอดประหยัด ภายในใจรู้ทันทีว่านั่นคือ ทูตสวรรค์ แต่การเห็นครั้งนี้แตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะมันดูคุ้นเคยเหมือนเป็นที่ของเขา ข้าพเจ้าจึงรีบอาบน้ำให้เสร็จแล้วมานั่งลงอธิษฐานเพื่อจะเกิดความเข้าใจมากขึ้น.., เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นในลักษณะนี้ในบ้านของตัวเอง ข้าพเจ้าได้เข้าใจว่า นั่นคือทูตสวรรค์ประจำบ้านของข้าพเจ้า เป็นเพราะบรรยากาศการทรงสถิตย์ที่มีอยู่เป็นประจำภายในบ้าน เนื่องจากมักเปิดเพลงนมัสการทิ้งไว้ทั้งวันทั้งคืนทุกห้อง แม้แต่ห้องที่ไม่มีใครอยู่ สามีข้าพเจ้าลงทุนซื้อลำโพงเพื่อให้ดังพอจะได้ยินอย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงส่วนใดของบ้าน แล้วข้าพเจ้าก็เข้าใจอีกว่าจริงๆ แล้วการทรงสถิตย์นี้ไหลมาจากการเจิมของสามีที่มีของประทานบุคลิกภาพผู้เมตตา เพราะผู้ที่มีของประทานเมตตามักจะมีการเจิมการทรงสถิตย์ ดังนั้นเหล่าทูตสวรรค์จึงสามารถมีเสรีภาพได้ในบ้านของเรา และการที่เราชำระสถานที่ของเราให้บริสุทธิ์เสมอทำให้การทรงสถิตย์สามารถเต็มขนาดได้ในที่ๆ เราอยู่ แต่สิ่งหนึ่งคือสามีของข้าพเจ้ากลับมองไม่เห็นทูตสวรรค์เหล่านั้นทั้งที่มาจากการเจิมของเขา เมื่อเล่าให้เขาฟัง พระเจ้าก็เปิดตาของเขาให้ได้เห็นด้วยตาของตนเองและสัมผัสได้ ดังนั้นเราจึงสามารถดำเนินชีวิตและอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยการทรงสถิตย์ของพระเจ้าอย่างเต็มที่และมีเสรีภาพ และสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกมั่นใจอย่างหนักแน่น นอกเสียจากสิ่งที่ตาเห็นและการสัมผัสด้วยตนเอง คือ มักมีเพื่อนบ้านมาเล่าให้ฟังเสมอๆ ว่าเวลาที่บ้านเราไปต่างจังหวัด เขามักเห็นผู้ชายตัวใหญ่ๆ เดินไปมาในบ้านเรา ครั้งหนึ่งเพื่อนบ้านคนหนึ่งมาถามข้าพเจ้าว่า “จ้างทหารมาเฝ้าบ้านคืนละกี่บาท แล้วติดต่อได้ที่ไหนบ้าง” ตอนนั้นข้าพเจ้ายังไม่ได้มีประสบการณ์การเห็นทูตสวรรค์ในบ้าน จึงได้แต่สงสัยกับคำถามของเขา เขาเล่าต่อ เมื่อข้าพเจ้ายังงุนงงกับคำพูดของเขา ว่า “หรือว่ามีญาติเป็นทหารหรือเปล่า เวลาข้าพเจ้าไม่อยู่ทีไรจะมีทหารประมาณ 2-3 คนมานอนค้างบ้านข้าพเจ้าประจำเลย” ข้าพเจ้าได้แต่เก็บสิ่งนี้ไว้ในใจและนึกสงสัย พร้อมๆ กับเล่าให้สามีฟัง… Read More »

สวรรค์ : COME BACK HOME AT THE HEAVEN‏

บันไดสีขาวถูกปกคลุมด้วยปุยเมฆสีขาว มองดูดั่งหิมะหนา เป็นความขาวสะอาดที่มองดูแล้วสัมผัสความนิ่มนวลอบอุ่น เบาสบาย วิ่งเข้ามาสัมผัสกายและเต็มความรู้สึกภายใน ความสูงทอดยาวไปเรื่อยๆ สุดลูกหูลูกตา มองหาที่สิ้นสุดไม่เจอ บางช่วงของบันไดมีความคดเคี้ยวเพียงเล็กน้อย  ฐานด้านล่างกว้างและค่อยๆ แคบลงเมื่อสูงขึ้นไปจนกระทั่งความกว้างเพียงพอสำหรับการเดินเพียงคนเดียวอย่างสบายๆ มองไปรอบด้านเต็มไปด้วยปุยเมฆหนาทึบที่แสนอบอุ่น… ย้อนมองดูตัวเองเห็นลักษณะการแต่งกายเป็นชุดเจ้าสาวขาวมีชายกระโปรงยาว ยิ่งเดินขึ้นไปสูงเท่าไรชายกระโปรงยิ่งยาวขึ้น แต่ไม่มีการเดินยากเลย ซึ่งต่างจากชุดเจ้าสาวทั่วๆ ไปบนโลกอย่างมากที่เดินลำบาก แต่นี่กลับเดินได้อย่างคล่องตัว ความยาวของชุดไม่เป็นอุปสรรคใดๆ เสียงตรัสของพระวิญญาณบริสุทธิ์ดังขึ้น “บันไดยิ่งสูงชันเท่าไร แรงต้านทาน แรงเสียดทานยิ่งมากเท่านั้น” ข้าพเจ้าถามพระองค์ว่า “ยิ่งเดินกับพระองค์มาก ทางก็ยิ่งแคบ เป็นแบบนั้นใช่ไหมคะ” พระองค์ตรัสว่า “ทางนั้นเป็นทางบนโลกที่นำสู่สวรรค์ ผู้ที่ผ่านพ้นและเดินทางแคบได้ คือผู้ที่จะได้เข้าแผ่นดินสวรรค์ แต่บันไดที่เจ้าเห็นเป็นบันไดเชื่อมแผ่นดินโลกในมิติฝ่ายวิญญาณ (อยู่เหนือจากมิติกายภาพ สูงกว่าขึ้นไปบนย่านฟ้า) ทอดยาวถึง แผ่นดินสวรรค์ ที่ยาวสุดลูกหูลูกตา เพราะแผ่นดินสวรรค์ไม่มีที่สุดสิ้นหรือขอบเขตของแผ่นดิน” “แล้วเมื่อไรข้าพเจ้าจะได้ไปสวรรค์อีกคะ” ฉันถาม “เวลานี้เจ้าได้เดินและยืนอยู่บนแผ่นดินสวรรค์แล้ว” พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงตรัส   ในขณะนั้นข้าพเจ้ายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ สายตาจับจ้องเป็นที่ปลายทางเท่าที่ตาจะมองได้ไกลที่สุด แม้จะมองไม่เห็นจุดหมายก็ตาม พรางมองไปรอบๆ เพราะได้รับความรู้สึกแบบลึกซึ้งที่อบอุ่น วางใจและปลอดภัยอย่างมาก ข้าพเจ้าเดินไปเรื่อยๆ ในขณะนั้นในมือถือมงกุฏ มีขนาดพอดีกับ 2 มือประคองไว้ มันไม่ได้ใหญ่มาก… Read More »

นรก : ไม่เหลืออำนาจใดๆ

“แม้แมลงตัวเล็กๆ ก็ไม่สามารถบี้ให้แบน หรือไล่ให้ไปได้” พระเยซูตรัส ข้าพเจ้ายังไม่ทันเข้าใจสำหรับคำตรัสเสียทีเดียว ทรงหยั่งรู้ถึงภายในความคิดของข้าพเจ้า จึงตรัสต่อไป “ในนรกแม้แต่กำลังเพียงน้อยนิดที่จะบี้แมลงตัวเล็กๆ หรือไล่มันไปก็ไม่มี ที่นั่นสิทธิอำนาจที่เรามอบให้กับมนุษย์ถูกถอดถอนโดยสิ้นเชิง ไม่เหลือไว้แม้แต่นิด… บัดนี้เจ้าได้เห็นแล้วมิใช่หรือว่า พวกเขาสิ้นไร้กำลังเรี่ยวแรงไม่เหลือแม้น้อยนิด แมลงเล็กๆ ที่เขาสามารถบี้ให้แบนได้อย่างที่ไม่ต้องออกแรง ครั้นอยู่บนโลก แต่บัดเดี๋ยวนี้ไม่สามารถทำได้เลย นี่แหนะ ที่ๆ เขาไม่สามารถแม้แต่จะผยองได้ หรืออวดอ้างถึงพละกำลังของเขาได้เลยเป็นดังนี้ แต่ก็หาช่วยอะไรได้ไม่ เพราะเขายังคงเป็นเช่นนั้นอยู่เรื่อยไป” พระเยซู ตรัสกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้เข้าใจและเรียนรู้มากขึ้นว่าเหตุใด ในนรกจึงมีแต่การขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เพราะความทุกข์ยากเหล่านี้ไม่สามารถผ่านพ้นไปได้ ด้วยว่าจะไม่เหลือสิทธิอำนาจหรือกำลังใดๆ อีกต่อไปในตัวของเขา 25/01/2014 16:46

นรก : เทศนาให้ใครฟัง

ครั้งนี้ข้าพเจ้าได้เห็นชายคนหนึ่งยืนบนธรรมมาสกำลังเทศนา ถ้อยคำต่างๆ พรั่งพรูออกมาจากปากของเขา ข้าพเจ้าฟังไม่ออกและจับใจความไม่ได้ แต่ท่าทางของชายคนนั้นช่างดูกระตุ้นเร้า ให้ตื่นเต้นและตื่นตัวอยู่เสมอ แต่กลับไม่มีใครฟังเขาเลยแม้สักคน ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำ และหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ตนเองต้องการ เมื่อข้าพเจ้าเพ่งมองลงไปยังผู้คนเหล่านั้น พวกเขากำลังกินอาหารอย่างตะกละตะกลามจนไม่มีแม้แต่เวลาจะเงยหน้าขึ้น อาหารเหล่านั้นดูสกปรก เน่าเสียและส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง แต่พวกเขากลับกินอย่างเอร็ดอร่อย  ข้าพเจ้ามองดูด้วยความพะอืดพะอมจวนอาเจียน อยากเอาตัวออกจากตรงนั้นอย่างที่สุด พระเยซูตรัสว่า “นี่แหนะ เราจะบอกความจริงแก่เจ้าจงยืนอยู่และพินิจให้ครบถ้วนก่อนออกไป” ใบหน้าที่บู้บี้เพราะความรังเกียจในสิ่งที่เห็น ข้าพเจ้าจำต้องฝืนใจมองต่อไป และกวาดสายตาอย่างรวดเร็ว ในอาหารเหล่านั้นมีทั้งหนอน แมลงวัน แมลงต่างๆ ที่ข้าพเจ้าก็ไม่รู้จักหลายชนิด อีกทั้งโดยรอบยังเต็มไปด้วยเหล่ากองทัพหนูและแมลงสาบ ข้าพเจ้าละสายตาจากคนเหล่านั้น หันไปมองที่ชายคนนั้นอีกเช่นเดิม เขายังคงทำแบบเดิม พูดซ้ำซาก วนไปมาอยู่ที่เดิม ใบหน้าที่มั่นใจเสียเหลือเกินทำให้ข้าพเจ้านึกสงสัยว่า เหตุใดชายผู้นี้จึงอยู่ในสถานที่แห่งนี้ … นรก พระเยซูทรงตรัสว่า “เขาจะเทศนาให้ใครฟังได้หรือ ในเมื่อเขาเองก็เป็นเช่นนั้น นี่แหนะ ผู้คนต่างกินสิ่งปฏิกูลขยะเน่าเสียด้วยความเอร็ดอร่อยมูมมามปานจะถูกแย่งชิง เพราะสิ่งเหล่านี้เอง เขาจึงดูซูบผอม ยิ่งกินยิ่งผอม” ฉัน : “ไม่ได้สังเกตเลยถึงรูปลักษณ์ของคนเหล่านั้น” พระเยซู : “ด้วยว่าเขากินอาหารเองตามใจอยาก แม้ชายผู้นั้นก็ทำเช่นเดียวกันเขามีสิทธิอันใดในการเทศนาหรือ? เขาทนงตัวและหยิ่งยโสโอหังคิดว่าตนทำดี ทำได้ และแน่กว่า แต่ความจริงก็ปรากฏต่อตาเจ้าแล้วมิใช่หรือว่า… Read More »

นรก : แมลงชอนไช

ภาพ : คนโดนแมลงนับพันๆ ตัวไล่ตอม ไม่ว่าจะวิ่งหนีไปทางไหนมันก็ตามไปได้ทุกที่ ไม่มีทางหนีพ้น ทั้งก่อความรำคาญ โดนกัดกิน ชอนไช เป็นดังนี้แหละสภาพในนรก “ดั่งคนหนึ่งมีแมลงฝูงใหญ่นับไม่ถ้วนติดตามไปทุกๆที่ แม้วิ่งหนีก็หนีไม่พ้น แมลงพวกนั้นมีความสามารถในการติดตามแบบประชิดตัว ประหนึ่งจะกัดกินตัวเขาเป็นอาหาร ตอมติด ชอนไช คันยิบๆ เจ็บแปล็บๆ แมลงพวกนี้ฆ่าก็ตาย บี้ก็ไม่แบน ไล่ก็ไม่ไป มันเห็นคนๆ นั้นดั่งอาหารอันโอชะของมัน มันจะไม่เลิกราจนกว่าจะอิ่มหนำ มันบินตามกลิ่นที่เหม็นเน่าออกจากกายของคนนั้น แม้พวกมันเป็นพันๆ ตัวรุมกัดกิน กลิ่นนั้นก็ไม่จางหายไป จนเขาชินชากับแมลงพวกนั้น พวกเขาไม่ได้กลิ่นของตัวเองเพราะเขามองไม่เห็นและแยกแยะความเหม็นเหล่านั้นไม่ออก เหมือนขยะชิ้นหนึ่งที่จมอยู่ในกองขยะ ย่อมไม่รู้สึกถึงกลิ่นเหม็นในที่ของมัน แต่ใครผ่านมาต่างก็ได้กลิ่นนั้น มันชวนพะอืดพะอม ไม่อยากเข้าใกล้ และหนีห่างให้ไกลๆ แต่พวกเขากลับว่าแปลก…. ‘มาทำเป็นเหม็นทำไม?’ ” พระเยซูตรัสและสำแดงภาพแก่ข้าพเจ้า 23/01/2014 04:46