Author Archives: Panarat

About Panarat

♡ พระเกียรติทั้งสิ้นมอบแด่พระจ้าแต่ผู้เดียว นามเดียว ♡ แต่ขอพระพรตกแก่ข้าพเจ้าและครัวเรือนอย่างเต็มขนาด

เวลาเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยนได้

ร้านอาหารร้านหนึ่งเป็นที่โด่งดังไปทั่วและไกล ใครๆ ก็ต่างพากันมาลิ้มลองรสชาติอันโดดเด่น แม้ระยะทางไกล ลูกค้าต่างก็ดั้นด้นพากันมาเป็นเนืองๆ ด้วยรสสัมผัสที่โดดเด่นและติดใจในบริการ คุณภาพอาหาร มีทั้งลูกค้าประจำและขาจรมากมาย …. แต่เมื่อเวลาผ่านไปรสชาติที่เคยเข้มข้นก็กลับไม่สม่ำเสมอ วัตถุดิบที่ใช้เคยใส่แต่ของสดใหม่และไม่หวง ก็เริ่มลดลงด้วยอยากความจำกัดต้นทุน เพื่อให้ได้กำไรมากขึ้น เร็วขึ้น รสชาติที่เคยเดิมๆ บัดนี้ได้เปลี่ยนไปแล้วคงเหลือแต่รสชาติที่จืดจางกว่าเก่าก่อน จนลืมไปแล้ว… ลูกค้าเริ่มลดลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะขาประจำ ส่วนขาจร ก็มาแล้วเลิก เพราะไม่จำเป็นต้องดั้นด้นมาไกล เพื่อลิ้มรสที่ไม่แตกต่างกับใกล้ๆ บ้านของเขา ความโดดเด่นไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว มีเพียง … “ชื่อ … ที่ครั้งหนึ่งเคยดัง” ข้อคิดสะท้อนชีวิต 1.    ครั้งหนึ่งเคยเข้มข้นฝ่ายวิญญาณ แต่วันนี้ยังคงรักษาคุณภาพเช่นเดิมได้หรือไม่? แม้คนเคยดีวันหนึ่งอาจแย่ก็ได้ คนเคยล้มเหลววันนี้อาจเปลี่ยนไปแล้วก็ได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ … ?    ความเข้มข้นของเราในวันนี้ยังคงเพิ่มขึ้นและไม่ลดลงจากเดิมหรือไม่? ?    เคยได้รับการเจิมวันนี้การเจิมนั้นยังคงอยู่หรือไม่? ?    เคยมีประสบการณ์อันล้ำลึกกับพระเจ้าวันนี้ยังมีอยู่หรือไม่? ?    เคยมอบถวายให้พระเจ้าอย่างสุดใจ วันนี้ยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่หรือไม่? ?    เคยเป็นคนถ่อมใจ เพราะไม่มีอะไรเลยในชีวิต แต่วันนี้พระเจ้าเพิ่มเติมสิ่งต่างๆ ให้จนมากมาย แล้วยังถ่อมใจเช่นเดิมอยู่หรือไม่? ?    เคยรักและทุ่มเทเพื่อพระเจ้า เท่าไรเท่ากัน… Read More »

คำอธิษฐาน : ขอพระสัญญา

“ข้าแต่พระเจ้าผู้เป็นหนึ่งเดียวในชีวิตของข้าพระองค์…♡♡♡ ข้าพระองค์ตื่นขึ้นเพื่อรับพระสัญญาของพระองค์… ข้าพระองค์หลับตาลงเพื่อระลึกถึงพระสัญญาของพระองค์… ข้าพระองค์ก้าวเดินเพื่อรับพระสัญญา และให้พระสัญญาของพระองค์มาถึงแล้ว มาถึงอีก ได้แล้วก็ ขออีก… ข้าพระองค์นมัสการ เพื่อระลึกถึงวันคืนและนาทีที่หวานชื่น รับกำลังจากพระองค์… ข้าพระองค์อธิษฐาน เพื่อให้เลือดเนื้อของข้าพระองค์ อยู่ต่อพระพักตร์พระองค์… ข้าพระองค์ทวงพระสัญญา เพราะมันจะไม่ช้าอยู่ เพื่อข้าพระองค์จะมอบเกียรติทั้งสิ้นแด่พระองค์แต่นามเดียว … ขอความโปรดปรานจากพระหัตถ์ของพระองค์ปกคลุมแผ่นดินโลกเช่นเดียวกับแผ่นดิน สวรรค์มาตั้งอยู่ ในนาม พระเยซูคริสต์เจ้า A-Men“ คำอธิษฐาน : ขอพระสัญญา 030214

คำอธิษฐาน : นิ่งสงบรอคอยพระเจ้า

เมื่อถึงเวลาที่พระเจ้าลุกขึ้น ใครหรือจะยับยั้งได้!!! หากวันนี้พระบิดายังหดพระหัตถ์อยู่ นั่นคือ .. โอกาสสำหรับการกลับใจใหม่และสะสมสิ่งดีมิใช่หรือ? อย่าริอาจ ลำพองใจด้วยว่าพระเจ้าทรงนิ่งอยู่เลย !!   คำอธิษฐาน : นิ่งสงบรอคอยพระเจ้า “ข้าแต่พระเจ้า… เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์ใกล้เข้ามาทุกที ทุกขณะ ขอทรงชำระใจ เตรียมชีวิต ให้ทางที่เดินเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ ขอทรงสอน และปกป้องให้ปลอดภัย ขอพระคุณไม่ห่างไกลจากข้าพระองค์ทั้งหลายที่แสวงหาพระพักตร์พระองค์ ขอทรงอดกลั้นพระทัยดั่งที่เคยมา ขอทรงยืดพระเมตตาให้กว้างพอจะปกคลุมข้าพระองค์และครัวเรือน ขอทรงให้แผ่นดินสวรค์มาตั้งอยู่ดั่งคำอธิษฐานขององค์พระเยซู เหตุนี้ข้าพระองค์จึงร้องทูล ในนาม Js A-Men ♡♡♡” 030114  

หน้าที่ผู้สนับสนุน

เราแต่ละคนย่อมมีบทบาทหน้าที่ที่พระเจ้าทรงตั้งไว้ไม่เหมือนกัน บางคนเกิดมาเพื่อนำ บางคนเกิดมาเพื่อสนับสนุน บางคนเกิดมาเพื่อนำแต่พระเจ้าให้สนับสนุนในบางเวลา บางเวลาอยู่ในตำแหน่งสนับสนุนแต่พระเจ้าให้นำบางครั้งครา ซึ่งบทบาทของแต่ละคนไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งใดก็ตามไม่มีผลต่อการยกหรือลดทอน ระดับคุณค่าในชีวิต พระเจ้าทรงให้คุณค่าเราตั้งแต่แรกเริ่มอยู่แล้วไม่ว่าเราจะเป็นใคร เป็นคนแบบไหนก็ตาม ดังนั้นไม่ว่าเราจะได้รับบทบาทอะไร ยืนอยู่ในตำแหน่งอะไร นั่นล้วนเป็นสิ่งที่ทรงเกียรติและน่าภาคภูมิอย่างที่สุด หากจุดที่เรายืนเป็นจุดที่พระเจ้าเป็นผู้จัดวางเราไว้ สิ่งสำคัญคือ การเรียนรู้ที่จะพัฒนาและเคลื่อนไปกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้มากที่สุดในบทบาทของตนเอง เป็นความสุขและสนุกเพราะมันมีความลึกและกว้าง มีบทเรียนที่สดใหม่ มีสิ่งที่ต้องปล้ำสู้และไปให้ถึงในตัวของมันเอง หากเราไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนา พระเจ้าทรงสามารถสอนเราได้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งตัวเราเองอาจเปลี่ยนความคิดแต่เดิมที่เคยมีเลยทีเดียว ความยิ่งใหญ่ไม่ใช่ปริมาณหรือขนาดของงานที่ทำ แต่คือการได้เรียนรู้จักองค์มหัศจรรย์และการได้ก้าวไปกับพระองค์ทีละก้าวที ละขั้น แม้ทำเหมือนเดิมแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือความสัมพันธ์ที่พัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ความใกล้ชิดที่ทรงให้เกียรติเราซึ่งเป็นเพียงมนุษย์ผงคลีได้มีส่วนร่วมไปกับพระองค์ในแต่ละเรื่อง แต่ละเวลา ซึ่งเราแต่ละคนจะถูกเรียกให้มีส่วนร่วมแตกต่างกัน งาน พันธกิจและการทรงเรียกของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกมีมากมายเป็นล้านๆ เรื่องจนนับกันไม่ไหวเลยทีเดียว เราสามารถทำได้เพียงแยกหมวดหมู่ประเภทใหญ่ๆ แต่รายละเอียดปลีกย่อยอยู่ที่เราผู้ตัดสินใจเลือกที่จะเดินตามพระเจ้าในชีวิตเอง เมื่อพระเจ้าได้มอบหมายภาระกิจให้กับเรา นั่นหมายถึงพระองค์ทรงจัดวางตำแหน่งและบทบาทให้กับเราเป็นอย่างดีแล้ว มันย่อมเกิดผลแน่นอน!! หากเราตอบสนองและทำตามด้วยใจเชื่อฟัง และหลายครั้งด้วยความคิดของเรา สายตาของมนุษย์ ก็อาจมีข้อโต้แย้ง… ไม่ว่าจะผุดมาทางความคิด ที่ไม่ตรงกับความคิดและประสบการณ์ที่ผ่านๆมา หรือจิตใจภายใน ไม่ได้ดั่งใจ … ก็แน่นอนไม่มีอะไรได้ดั่งใจเราไปซะทุกอย่าง หรืออารมณ์ ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะเข้าใจหรือเห็นชอบ … แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ตามสิ่งเหล่านั้นต้องไม่มีผลต่อการยืนในบทบาทที่พระเจ้า มอบหมายกับเรา มันเป็นความรับผิดชอบตรงที่เราต้องมีต่อพระเจ้า หากพระเจ้าเรียกเราให้สนับสนุนหรือมอบหมายภาระกิจแห่งการสนับสนุนให้กับเรา ไม่ว่าจะเป็นด้านใดหรืองานใดก็ตาม หน้าที่ของเราคือ…… Read More »

เชื่อแล้วเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

เพราะเชื่อจึงได้รับ แต่เมื่อได้รับแล้วกลับไม่เชื่อว่าที่ได้มาเพราะความเชื่อ หรือพระเจ้าให้ สุดท้ายย้อนกลับมาที่ไม่เชื่อ ทำให้การได้รับนี้สิ้นสุดลงที่ตรงนี้ = ไม่เชื่อแต่แรกแล้ว พระเจ้าพิสูจน์พระองค์เองว่าทรงสัตย์ซื่อในการอวยพรตามความเชื่อเสมอ แต่เมื่อได้รับแล้ว ผู้ที่สงสัยกลับลบล้างสิ่งที่พระเจ้าให้ด้วยความสงสัยว่า…นั่นมาจากพระเจ้าจริงหรือ? คิดสงสัยว่าไม่ได้มาจากพระเจ้า … ความคิดนี้ทำให้ลบล้างความเชื่อเริ่มต้นเสียสิ้น ดังนั้นที่ควรได้รับจึงสิ้นสุด การไปต่อก็สิ้นสุดด้วย เพราะไม่มีความเชื่อแล้ว แต่คนที่เชื่อแล้วได้รับ แล้วมั่นใจว่าที่ตนได้รับมา จากพระเจ้า เชื่อในสิ่งที่พระจ้าทำ ทำให้ความเชื่อต่อยอดความเชื่อ จึงได้รับพระพรต่อยอดพระพร ไม่สิ้นสุด ได้แล้วได้อีก ยิ่งได้ยิ่งเชื่อ ยิ่งเชื่อยิ่งได้รับ เป็นเหมือนวงกลมที่ส่งต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีสิ้นสุด   เชื่อแล้วเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า 29/05/2014 13:42

ยากอบและยอห์นขอนั่งซ้ายขวาที่บัลลังก์

มก.10:35-40  ยากอบและยอห์นขอนั่งซ้ายขวาที่บัลลังก์ 10:35 ฝ่ายยากอบกับยอห์น บุตรชายของเศเบดี เข้ามาทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ข้าพระองค์ทั้งสองปรารถนาจะขอให้พระองค์ทรงกระทำตามคำขอของข้าพระองค์” 10:36 พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า “ท่านทั้งสองปรารถนาจะให้เราทำสิ่งใดให้ท่าน” 10:37 เขาจึงทูลตอบพระองค์ว่า “เมื่อพระองค์จะทรงสง่าราศีนั้น ขอให้ข้าพระองค์นั่งที่เบื้องขวาพระหัตถ์คนหนึ่ง เบื้องซ้ายพระหัตถ์คนหนึ่ง” 10:38 พระเยซูจึงตรัสแก่เขาว่า “ที่ท่านขอนั้นท่านไม่เข้าใจ ถ้วยซึ่งเราดื่มนั้นท่านดื่มได้หรือ และบัพติศมานั้นซึ่งเรารับ ท่านรับได้หรือ” 10:39 เขาทั้งสองทูลตอบพระองค์ว่า “ได้ พระเจ้าข้า” พระเยซูจึงตรัสแก่เขาว่า “ถ้วยซึ่งเราดื่มท่านจะดื่มก็จริง และท่านจะรับบัพติศมาด้วยบัพติศมาที่เรารับก็จริง 10:40 แต่ที่นั่งข้างขวาและข้างซ้ายของเรานั้น ไม่ใช่พนักงานของเราที่จัดให้ แต่ได้ทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ใดก็จะให้แก่ผู้นั้น” 10:41 เมื่อสาวกสิบคนได้ยินแล้ว ก็เริ่มมีความขุ่นเคืองยากอบและยอห์น 10:42 พระเยซูจึงทรงเรียกเขาทั้งหลายมาตรัสแก่เขาว่า “ท่านทั้งหลายรู้อยู่ว่า ผู้ที่นับว่าเป็นผู้ครอบครองของคนต่างชาติย่อมเป็นเจ้าเหนือเขา และผู้ใหญ่ทั้งหลายก็ใช้อำนาจบังคับ 10:43 แต่ในพวกท่านหาเป็นอย่างนั้นไม่ ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นใหญ่ในพวกท่าน ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลาย 10:44 และถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นเอกเป็นต้น ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้รับใช้ของคนทั้งปวง 10:45 เพราะว่าบุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อจะปรนนิบัติ และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่สำหรับคนเป็นอันมาก” ยากอบและยอห์นเป็นพี่น้องที่มีความปรารถนาจะได้รับเกียรติและติดตามพระเยซู  คำขอของเขาคือ… “ขอนั่งข้างซ้ายขวาบัลลังก์ของพระเจ้า”… Read More »

สิทธิอำนาจพื้นฐานที่พระเจ้าใส่ให้ทุกคน

แท้จริงพระเจ้าให้สิทธิการครอบครองกับมนุษย์ ไว้หลายสิ่งมากมายบนแผ่นดินโลกนี้ แต่การได้ครอบครองไว้ในมือของตนนั้น ก็ตามแต่ว่าใครจะสามารถฉวยและคว้ามาเป็นของตนเองได้มากแค่ไหน ด้วยเงื่อนไขชีวิตแต่ละด้านที่สัมพันธ์ตรงกับสิ่งนั้นๆ หากแต่สิ่งที่พระเจ้าให้กับเราไว้ในครอบครองอยู่แล้ว อยู่ในอำนาจของเราอยู่แล้ว แต่กลับไม่สามารถจัดการและควบคุมมันให้อยู่มือ … แทนที่จะครอบครองมัน กลับปล่อยให้มันมีอิทธิพลและส่งผลเสียมากมายต่อชีวตของเรา และเกียรติของพระเจ้า  ก็เป็นการยากที่จะได้ครอบครองในสิ่งที่มากขึ้น  เนื่องจากแค่สิ่งที่มีอยู่ในมือยังไม่สามารถทำได้ แล้วจะหวังอะไรกับสิ่งที่มากขึ้นได้หรือ? หากสิ่งที่มีอยู่ภายในมือ ยังไม่สามารถครอบครองได้ แล้วจะครอบครองสิ่งภายนอกได้หรือ ? พระเจ้าออกแบบการสร้างอย่างเป็นระบบระเบียบขั้นตอน รวมถึงการขยายขอบเขตการครอบครองในชีวิตของเราด้วยเช่นกัน ต้องเป็นไปทีละขั้นทีละตอน ขยายวงกว้างออกมากขึ้นเรื่อยๆ จากเล็กไปใหญ่  , จากแคบไปกว้างและกว้างมากขึ้นๆ *** อย่างน้อยที่สุด พระเจ้าได้ให้เราแต่ละคนมีสิทธิอย่างเต็มขนาดในการครอบครองร่างกายของเรา ปาก หู ลิ้น จมูก มือ เท้า… ทุกส่วนของเรา แต่หลายครั้งกลับปล่อยปละละเลย ไม่สนใจที่จะครอบครองร่างกายของตนเอง เช่น ปล่อยให้ลิ้นสามารถนำความเสียหาย ด้วยการอยากพูดอะไรก็ได้  ทั้งเป็นแง่ลบ นำคำแช่งสาปก็ไม่สนใจ… สักแต่ว่าอยากจะใช้ปากเท่านั้น  และพระเจ้าก็ทำให้เห็นว่า… สิทธิอำนาจที่พระเจ้ามอบให้เราครอบครองนั้นเป็นจริง ด้วยการ กล่าวสิ่งใดได้สิ่งนั้น , หว่านอะไรเกี่ยวสิ่งนั้น หลายครั้งใช่ว่าเราไม่รู้ความจริงนี้ แต่… ไม่ตระหนักและไม่สนใจที่จะยึดสิ่งที่เป็นของเราไว้อย่างแน่นหนา   สิทธิอำนาจพื้นฐานที่พระเจ้าใส่ให้ทุกคน… Read More »

การจ่ายราคาแบบโมเสสและอับราฮัม

การจ่ายราคาแบบโมเสส กว่าโมเสสจะยอมจ่ายราคา ยอมก้าวตามที่พระเจ้าตรัสสั่งและเรียกเขา ต้องมีเหตุการณ์หลายเหตุการณ์เป็นเสมือนมัดจำในความเชื่อก่อน –    พุ่มไม้เป็นไฟ –    ไม้เท้าเป็นงู –    ฟาโรห์องค์เดิมตาย –    ให้อาโรนมาพูดแทน พระเจ้าได้กุยทางให้โมเสสเป็นอย่างมากเพื่อให้เขาตอบสนองและเดินตาม แต่พัฒนาการด้านการจ่ายราคาของโมเสสก็พลิกชีวิตของเขา … จากเดิมต้องเห็นผลตอบแทน หรือได้รับอะไรกลับมาก่อนเขาจึงจะก้าว >> ก็เปลี่ยนเป็น >> แม้ยังไม่ได้อะไร ถ้าพระเจ้าตรัสเขาจะจ่ายออกไปก่อน เพื่อให้พระเจ้ารับรองเขา –    ต้องยกมือออกไปก่อน ทะเลจึงจะแหวกออก >> เขาเรียนรู้จักที่จะจ่ายราคา โดยการยื่นมือออกไปก่อน แทนการรอให้ทะเลแหวกเสียก่อนเขาจึงยอมยื่นมือออกไปและก้าวเท้าออกไป –    ต้องขึ้นภูเขาแยกตัวมาหาพระเจ้าก่อน จึงจะได้บัญญัติ 10 ประการ เพื่อชนอิสราเอล >> เขาก้าวขึ้นภูเขาของพระเจ้าในขณะที่ทรงเรียกทันที แทนที่จะรอให้รู้ก่อนว่าขึ้นไปจะได้อะไรกลับมา จะมีอะไรรออยู่ข้างหน้า แต่เขาไปเพราะเขาต้องการพบพระเจ้า การจ่ายราคาแบบอับราฮัม อับราฮัมเป็นคนที่ได้ชื่อว่า  “บิดาแห่งความเชื่อ”  เนื่องจากเขาเป็นผู้ที่พระเจ้าตรัสสั่งเขา โดยที่ไม่มีการให้อะไรกับเขาเป็นที่รับรอง (มัดจำ) ก่อนเลย  **แต่เขากลับก้าวเดินตามทันที**  แม้สิ่งที่พระเจ้าสัญญาจะยังมองไม่เห็น ไม่ว่าจะดินแดนพระสัญญาที่ไม่เคยรู้จัก , หรือการมีลูกหลานมากมายดุจดั่งดวงดาวในท้องฟ้า เม็ดทรายในทะเล ขณะที่ตนแก่มาก… Read More »

เสียงของพระเจ้าต่อโมเสสเป็นอย่างไร

ในการทำหมายสำคัญทั้ง 10 ประการในอียิปต์ โมเสสได้ยินเสียงตรัสของพระเจ้าอย่างชัดเจน ถึงวิธีการและผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ถึงวันเวลาอย่างเจาะจง แต่ชนอิสราเอลไม่ได้ยินด้วย ในขณะที่โมเสสได้ยินเสียงตรัสของพระเจ้าในการแหวกทะเลแดง ประชากรอิสราเอลไม่ได้ยินด้วย ?? เสียงของพระเจ้าเป็นเช่นไรกัน ? เหตุไฉนคนหนึ่งได้ยิน แต่คนอีกจำนวนมากกลับไม่ได้ยิน ? จริงหรือที่บางคนเท่านั้นที่ได้ยินเสียงตรัสของพระเจ้า   เสียงของพระเจ้าต่อโมเสสเป็นอย่างไร *** แท้จริงเสียงตรัสของพระเจ้านั้นแผ่วเบาเหลือเกิน แต่มันกลับชัดเจนและหนักแน่น สำหรับคนที่วางใจและปรารถนาจะเชื่อฟังพระองค์ จนผลักดันความเชื่อภายในออกมา ในขณะนั้นยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ไม่มีอะไรให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างตามคำตรัส ดังนั้นสำหรับคนที่คิดมาก ใช้สารพัดตรรกะเพื่อลบล้างหมายจะไม่ต้องเชื่อฟัง ย่อมไม่มีทางได้เห็นหรือได้ทำอัศจรรย์เป็นแน่ ไม่มีใครลงทุนกับคนที่ไม่สามารถไว้วางใจได้ฉันใด คนที่ไม่สามารถวางใจในพระเจ้าได้ย่อมไม่ได้รับผลกำไรอันเป็นอัศจรรย์กลับมา *** ?? เราจะรู้ได้อย่างไร? ว่าคนๆ นี้ ได้ยินเสียงพระเจ้าจริง ก็ด้วยผลที่เกิดขึ้น ไม่มีใครได้ยินเสียงพระเจ้าตรัสกับโมเสสทั้งๆ ที่ทุกคนก็ยืนอยู่ตรงนั้น แต่ผลคือ…ทะเลแหวกออกเมื่อเขายื่นมือเหนือทะเล , ภัยพิบัติเกิดขึ้นทันทีที่เขาทำบางอย่าง เช่น โยนไม้เท้า , ตีน้ำ , ตีพื้นดิน , กล่าวถ้อยคำ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่มีใครทำเองได้ แม้นักมายากลระดับต้นๆ ของอียิปต์ยังพ่ายแพ้ เพราะมันไม่ได้มาจากมือมนุษย์… Read More »