สวรรค์ : บางพื้นที่บนสววรค์ ที่ไม่ใช่ใครก็เข้าได้

By | 2014/02/10

“บางพื้นที่บนแผ่นดินสวรรค์ไม่อาจเข้าไปได้ทุกคน เพราะความละอาย”
ถ้อยคำนี้ดังขึ้นภายในใจและดังผ่านหูออกมา เสมือนมีใครสักคนพูดให้ฟัง ในเสี้ยววินาทีก่อนจะหลับโดยไม่รู้ตัวและความเข้าใจได้เกิดขึ้นในขณะหลับบนรถที่กำลังแล่นจากหัวหินตรงสู่กรุงเทพฯ โดยสามีเป็นผู้ขับ

บนแผ่นดินสวรรค์ ทุกคนที่ได้ผ่านเข้ามาสู่แผ่นดินสวรรค์ ก็จะสามารถยืนต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความเปรมปรีดิ์และชื่นชมความงามของพระเจ้า ท่ามกลางอิสระและเสรีภาพที่เราแต่ละคนสามารถชื่นชมกับแผ่นดินที่พระเจ้าได้มอบให้เราร่วมครอบครองกับพระองค์ แต่จะมีบางส่วนบางพื้นที่ที่ไม่ใช่ทุกคนบนสวรรค์จะเดินเข้าไปยังสถานที่แห่งนั้นได้ ไม่ใช่เพราะการห้ามหรือกีดกันขององค์พระผู้เป็นเจ้า… แต่เพราะสง่าราศีอันสมควร ได้เปล่งประกายออกมาท่ามกลางผู้ที่เข้าสู่พื้นที่นั้นของแผ่นดินสวรรค์ ทำให้ผู้ที่ไม่มีสง่าราศีหรือสง่าราศีอับแสง มีเพียงน้อยนิดจะเกิดความรู้สึกละอายจนเลือกที่จะไม่เข้าไปใกล้ในสถานที่นั้นเลย…

 

ในที่นั่งของผู้ชอบธรรมที่เปล่งประกายซึ่งความเป็นเกียรติ สง่าราศี และบำเหน็จมากมายที่พระเจ้าทรงโปรดประทานให้ ได้ถูกเปิดเผยและสำแดงออกในวันเวลาที่ไม่สามารถย้อนกลับคืนได้ และเป็นเวลาแห่งการสิ้นสุดการลงแรง แต่เป็นเวลาที่ดื่มด่ำอยู่นิจนิรันดร … ผู้ที่ได้เก็บเกี่ยวสิ่งที่หว่านลงบนโลกและไม่ย่อท้อในการก้าวเดินจะนั่งอยู่ในที่นั่งแห่งความเปรมปรีดิ์และความภาคภูมิที่ไม่รู้สึกเสียดาย แต่ได้รับการตอบแทนด้วยสิ่งที่ล้ำค่าเกินบรรยายอย่างไม่รู้สึกเสียดาย ในทางตรงกันข้ามบุคคลผู้ที่แม้ได้ผ่านเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ร่วมครอบครองกับองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่กลับละอายและเสียดายอย่างสุดซึ้งและทำอะไรไม่ได้เลย เพราะวันเวลาแห่งการลงทุนลงแรงได้หมดไปเสียแล้ว ความเสียใจที่เกิดจากการคิดว่า “ไม่น่าเล้ยยยยย” , “รู้อย่างนี้ยอมอดทนเสียดีกว่า” ,  “อยากได้บ้างแต่ก็อดสูเพราะรู้แก่ใจว่าตนเองเป็นอย่างไรเมื่อครั้งอยู่บนแผ่นดินโลก”….

 

“เพราะผู้ชอบธรรมจะมั่นใจและมั่นคงที่จะหยัดยืนต่อหน้าเรา ในวันที่ต้องเผชิญสิ่งต่างๆ รวมทั้งความทุกข์ยากจะไม่เป็นเหตุให้เลิกล้มหรือบั่นทอน เพราะเขาจะได้รับอย่างนิจนิรันดร์และสมควรกับเขาแล้ว” พระบิดาทรงตรัส

“บรรยากาศในสถานที่แห่งนั้นจะเต็มไปด้วยความชื่นบานที่ได้รับ และการชื่นชมต่อการสรรเสริญแด่พระองค์ แต่คนจำนวนมากแสนมากจะละอายจนถูกกันออกจากสถานที่แห่งนั้นด้วยความละอายที่เกิดขึ้นภายในเขานั่นเอง เพราะเวลานั้นจิตสำนึกได้ทำงานอย่างเต็มขนาดเป็นทั้งผู้ที่เป็นพยานฝ่ายเรา (พระเจ้า) และเป็นผู้ชันสูตรอย่างครบถ้วน” พระองค์ทรงตรัส

180713

0Shares