สวรรค์ : การเป็นพยานบนสวรรค์

By | 2014/02/11

เมื่อครั้นเราทุกคนต้องอยู่ต่อหน้าบัลลังก์แห่งการพิพากษาที่ทรงธรรมของพระองค์

 

สิ่งที่เป็นพยานถึงเราเพื่อรายงานต่อพระบิดาผู้นั่งบนบัลลังก์แห่งการพิพากษา

1.    พระวิญญาณบริสุทธิ์
เนื่องจากบนโลกพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงอยู่ภายในเรา ช่วยเรา สอนเรา นำทางเรา และตักเตือนเรา เหตุนี้พระองค์จึงทรงรู้ทุกความเป็นไป รู้ทุกสิ่งภายในเรา และทรงช่วยในยามเราอ่อนแรง ดังนั้นเมื่อถึงวันแห่งการพิพากษาจะทรงรายงานถึงเราด้วยความสัตย์จริงแบบครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดปิดซ่อนไว้จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ แม้สิ่งที่ลึกที่สุดภายในเรา

2.    ทูตสวรรค์
เราแต่ละคนจะมีทูตสวรรค์ประจำกาย เพื่อช่วยเหลือเราในยามที่เราอยู่บนแผ่นดินโลก ทูตสวรรค์เหล่านี้จะเป็นพยานถึงเราด้วยว่าในแต่ละช่วงเวลาเราเป็นอย่างไร เพื่อสนับสนุนเรา

3.    จิตสำนึกผิดชอบของเราเอง
แม้เราจะสามารถปฏิเสธทุกสิ่งได้ แต่เราไม่สามารถปฏิเสธจิตสำนึกผิดชอบที่เป็นพยานถึงเราได้ เพราะเนื่องจากเรารู้อยู่แก่ใจเป็นอย่างดีว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดเราจึงตอบสนองเช่นนั้น เพราะอะไรเราถึงรับหรือปฏิเสธ ซึ่งการเป็นพยานของจิตสำนึกผิดชอบนี้เอง ทำให้เรามาถึงจุดแห่งความอับอาย หรือชื่นบานได้อย่างเต็มที่ เพราะเราไม่สามารถปฏิเสธได้เลย เพราะตัวเราเองเป็นพยานถึงตัวเอง

ลก.23:30-31
23:30 คราวนั้นเขาจะเริ่มกล่าวแก่ภูเขาทั้งหลายว่า ‘จงล้มทับเราเถิด’ และแก่เนินเขาว่า ‘จงปกคลุมเราไว้’
23:31 เพราะว่าถ้าเขาทำอย่างนี้เมื่อไม้สด อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไม้แห้งแล้วเล่า”

วว.6:16-17
6:16 พวกเขาร้องบอกกับภูเขาและโขดหินว่า “จงล้มทับเราเถิด จงซ่อนเราไว้ให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์ ผู้ประทับอยู่บนพระที่นั่ง และให้พ้นจากพระพิโรธของพระเมษโปดกนั้น
6:17 เพราะว่าวันสำคัญแห่งพระพิโรธของพระองค์มาถึงแล้ว และผู้ใดจะทนอยู่ได้เล่า”

4.    มารซาตาน
การเป็นพยานของมารซาตาน เพื่อแสดงให้เห็นถึงการถวายเกียรติพระเจ้า ในวันเวลาแห่งการพิพากษามันไม่สามารถโกหกต่อหน้าบัลลังก์ของพระบิดาได้ แต่มันจะกล่าวถ้อยคำแห่งความจริงว่าแท้จริงบนโลกเราเป็นเช่นไร มันจะไม่ปรักปรำเรา แต่มันจะร่วมกล่าวรายงานเกี่ยวกับเรา

*** แท้จริงแม้ไม่มีพยานใดๆ พระบิดาก็ทรงรู้ทุกสิ่งอย่างถ่องแท้ ทุกซอกทุกมุมอยู่แล้ว ด้วยพระลักษณะแห่งความสัพพัญญูของพระองค์ จึงทรงให้มีการเป็นพยาน เพื่อให้ตัวเราเองยอมรับ และเห็นถึงพระลักษณะที่ได้ถูกปิดซ่อนไว้บนโลก แต่ถูกสำแดงออกในวันสุดท้ายต่อหน้าบัลลังก์แห่งการพิพากษา อีกทั้งทุกๆ ฝ่ายจะโห่ร้องสรรเสริญพระเจ้า

 รม.14:10-12
14:10 แต่ตัวท่านเล่า เหตุไฉนท่านจึงกล่าวโทษพี่น้องของท่าน หรือเหตุไฉนท่านจึงดูหมิ่นพี่น้องของท่าน เพราะว่าเราทุกคนต้องยืนอยู่หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์
14:11 เพราะมีคำเขียนไว้ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสว่า “เรามีชีวิตอยู่ฉันใด หัวเข่าทุกหัวเข่าจะต้องคุกกราบลงต่อเรา และลิ้นทุกลิ้นจะต้องร้องสรรเสริญพระเจ้า”’
14:12 ฉะนั้นเราทุกคนจะต้องทูลเรื่องราวของตัวเองต่อพระเจ้า

ฟป.2:9-11
2:9 เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูงที่สุดด้วย และได้ทรงประทานพระนามเหนือนามทั้งปวงให้แก่พระองค์
2:10 เพื่อ ‘หัวเข่าทุกหัวเข่า’ ในสวรรค์ก็ดี ที่แผ่นดินโลกก็ดี ใต้พื้นแผ่นดินโลกก็ดี ‘จะต้องคุกกราบลง’ นมัสการในพระนามแห่งพระเยซูนั้น
2:11 และเพื่อ ‘ลิ้นทุกลิ้นจะยอมรับ’ ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าพระบิดา

 

บนแผ่นดินสวรรค์

*** ข้อสังเกตุ ไม่มีการเป็นพยานของมนุษย์ เพราะมนุษย์ไม่ได้มีหน้าที่พิพากษาผู้อื่น มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน ดังนั้นจึงไม่มีใครสูงกว่าพอที่จะทำเช่นนั้นได้

*** ดังนั้นในวันนั้นเราจะอับอายหรือถวายเกียรติพระเจ้า ก็อยู่ที่วันนี้ เพราะวันนั้นจะกล่าวเป็นพยานถึงวันนี้

130913

0Shares