ทำให้เกิดผลบนโลก

By | 2016/03/22

ลก.19:11-27
19:11 เมื่อเขาทั้งหลายได้ยินเหตุการณ์นั้นพระองค์ได้ตรัสคำอุปมาเรื่องหนึ่งให้เขาฟังต่อไปเพราะพระองค์เสด็จมาใกล้กรุงเยรูซาเล็มแล้วและเพราะเขาทั้งหลายคิดว่าอาณาจักรของพระเจ้าจะปรากฏโดยพลัน
19:12 เหตุฉะนั้นพระองค์จึงตรัสว่า “มีเจ้านายองค์หนึ่งไปเมืองไกล เพื่อจะรับอำนาจมาครองอาณาจักรแล้วจะกลับมา
19:13 ท่านจึงเรียกผู้รับใช้ของท่านสิบคนมามอบเงินไว้แก่เขาสิบมินา สั่งเขาว่า ‘จงเอาไปค้าขายจนเราจะกลับมา’
19:14 แต่ชาวเมืองชังท่านผู้นั้น จึงใช้คณะทูตตามไปทูลท่านว่า ‘เราไม่ต้องการให้ผู้นี้ครอบครองเรา’
19:15 ต่อมาเมื่อท่านได้รับอำนาจครองอาณาจักรกลับมาแล้วท่านจึงสั่งให้เรียกผู้รับใช้ทั้งหลายที่ท่านได้ให้เงินไว้นั้นมาเพื่อจะได้รู้ว่าเขาทุกคนค้าขายได้กำไรกี่มากน้อย
19:16 ฝ่ายคนแรกมาบอกว่า ‘ท่านเจ้าข้า เงินมินาหนึ่งของท่านได้กำไรสิบมินา’
19:17 ท่านจึงพูดกับเขาว่า ‘ดีแล้ว เจ้าเป็นผู้รับใช้ที่ดี เพราะเจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เจ้าจงมีอำนาจครอบครองสิบเมืองเถิด’
19:18 คนที่สองมาบอกว่า ‘ท่านเจ้าข้า เงินมินาหนึ่งของท่านได้กำไรห้ามินา’
19:19 ท่านจึงพูดกับเขาเหมือนกันว่า ‘เจ้าจงครอบครองห้าเมืองเถิด’
19:20 อีกคนหนึ่งมาบอกว่า ‘ท่านเจ้าข้า ดูเถิด นี่เงินมินาหนึ่งของท่าน ซึ่งข้าพเจ้าได้เอาผ้าห่อเก็บไว้
19:21 เพราะข้าพเจ้ากลัวท่าน ด้วยว่าท่านเป็นคนเข้มงวด ท่านเก็บผลซึ่งท่านมิได้ลงแรง และเกี่ยวที่ท่านมิได้หว่าน’
19:22 ท่านจึงตอบเขาว่า ‘เจ้าผู้รับใช้ชั่ว เราจะปรับโทษเจ้าโดยคำของเจ้าเองเจ้าก็รู้หรือว่าเราเป็นคนเข้มงวด เก็บผลซึ่งเรามิได้ลงแรงและเกี่ยวที่เรามิได้หว่าน
19:23 ก็เหตุไฉนเจ้ามิได้ฝากเงินของเราไว้ที่ธนาคารเล่า เมื่อเรามาจะได้รับเงินของเรากับดอกเบี้ยด้วย’
19:24 แล้วท่านสั่งคนที่ยืนอยู่ที่นั่นว่า ‘จงเอาเงินมินาหนึ่งนั้นไปจากเขา ให้แก่คนที่มีสิบมินา’
19:25 (คนเหล่านั้นบอกท่านว่า ‘ท่านเจ้าข้า เขามีสิบมินาแล้ว’)
19:26 ‘เราบอกเจ้าทั้งหลายว่า ทุกคนที่มีอยู่แล้วจะเพิ่มเติมให้เขาอีก แต่ผู้ที่ไม่มีแม้ว่าซึ่งเขามีอยู่นั้นจะต้องเอาไปจากเขา
19:27 ฝ่ายพวกศัตรูของเราที่ไม่ต้องการให้เราครอบครองเขานั้น จงพาเขามาที่นี่และฆ่าเสียต่อหน้าเรา’”

ในความสัมพันธ์กับพระเจ้าทรงเปรียบเปรยอยู่ไม่กี่ครั้ง ว่าทรงเป็นนาย เราเป็นบ่าว เน้นไปที่ตะลันต์ เพราะเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ ความสัตย์ซื่อ มากกว่า ดังนั้น อุปมาจึงออกมาในรูปแบบของนายกับบ่าว

เปรียบนาย = พระเยซู
พระองค์จะกลับมาพร้อมอำนาจจัดการทุกสิ่งได้อย่างเบ็ดเสร็จ ใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจสิทธิอำนาจแท้จริงของพระเยซูว่ามีมากเพียงใด คนที่เข้าใจยำเกรง ก็แสดงออกด้วยความสัตย์ซื่อ และพยายามทำให้สิ่งที่พระองค์ให้ไว้กับเราเกิดผล เพราะเมื่อทรงกลับมาพร้อมสิทธิอำนาจนั้น จะไม่ต้องอับอายด้วยการไม่สนใจ หรือไม่มีสิ่งใดขยับขยายได้เลย

(14) ชาวเมือง = คนในโลกนี้
แม้พวกเขาไม่ต้อนรับพระองค์ ประกาศกร้าวว่า “ไม่ต้องการ”… แต่เมื่อนายกลับมาสิ่งแรกที่นายทำเลย คือ กลับมาหาบ่าวก่อน เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา คนแรกที่พระองค์มาหา คือ ผู้เชื่อก่อน สิทธิอำนาจนั้นเกิดแก่ผู้เชื่อก่อน พวกเขาไม่รู้เลยว่าพระเยซูทรงมีสิทธิอำนาจขนาดไหน ให้ได้ทั้งบำเหน็จ มีสิทธิที่จะให้มากเท่าไร ขนาดไหนก็ได้ และลงโทษ มากเพียงใดก็ได้ เพราะสิทธิขาดนั้นอยู่ที่พระองค์เพียงผู้เดียว อย่างสมบูรณ์
การประเมินสิทธิอำนาจของนายต่ำ ด้วยเหตุก่อนที่จะออกจากบ้านนั้น ทำให้คนกล้าที่จะละเลยส่วนของตัวเองด้วยคิดว่า คงไม่เป็นไร , ไม่รู้ถึงขนาดที่แท้จริง… จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะไม่ยำเกรงนาย ในขณะที่นายไม่อยู่ ด้วยเล่ห์เหลี่ยมอันโง่เขลา

(16) บ่าวคนที่ 1 ทำให้เกิดผล 10 เท่า >> ได้รับกลับคืน 10 หัวเมือง
เมื่อเขาจะต้องเอาเงินส่วนนี้มอบให้กับนาย แต่นายตอบแทนกลับด้วยการยกหัวเมืองให้เขา กำไรจากการทำให้เกิดผล 10 เท่า

 

ทำให้เกิดผลบนโลก

1. ต้นทุนมาจากนายมอบให้ เขาแค่ลงแรง

2. จำนวนที่เขาทำกำไรเพิ่มจากต้นทุนที่นายมอบให้ ยังไม่สามารถซื้อที่ดินได้สักแปลง แต่นายกลับให้เขาถึง 10 แปลง เหตุนี้จะว่านายเก็บผลจากที่ไม่ได้หว่านได้อย่างไรกัน (ความคิดของบ่าวโง่)

*** ข้อสังเกตุ นายให้ทาสเท่าๆ กันทุกคน พระเจ้าให้เราแต่ละคนเท่าๆ กัน แม้จะแตกต่างกันก็ตาม เรามีในสิ่งที่คนอื่นไม่มี และคนอื่นก็มีในสิ่งที่เราไม่มีเช่นกัน ดังนั้นในพระเจ้าทรงมองว่าเท่าเทียมกัน

 

29/04/2014 10:36

 

0Shares