ตัวเร้าในบั้นปลายชีวิตของโมเสส

By | 2015/07/10

กดว.20:1-13

20:1 ชุมนุมชนทั้งหมดของคนอิสราเอลเข้ามาในถิ่นทุรกันดารศินในเดือนที่หนึ่งประชาชนพักอยู่ในคาเดช มิเรียมก็สิ้นชีวิตและฝังไว้ที่นั่น
20:2 ครั้งนั้นชุมนุมชนไม่มีน้ำ เขาประชุมกันว่าโมเสสและอาโรน
20:3 ประชาชนตัดพ้อต่อว่าโมเสสว่า “เมื่อพี่น้องเราตายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์นั้น เราตายเสียด้วยก็ดี
20:4 ท่านพาชุมนุมชนของพระเยโฮวาห์มาในถิ่นทุรกันดารนี้ให้ตายเสียที่นี่ทั้งตัวเราและสัตว์ของเราทำไม
20:5 และทำไมท่านจึงให้เราออกจากอียิปต์ นำเรามายังที่เลวทรามนี้ เป็นที่ซึ่งไม่มีพืช ไม่มีมะเดื่อ องุ่นหรือทับทิม และไม่มีน้ำดื่ม”
20:6 แล้วโมเสสและอาโรนออกจากที่ประชุมไปที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุมและซบหน้าลง และสง่าราศีของพระเยโฮวาห์ปรากฏแก่เขา
20:7 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
20:8 “จงเอาไม้เท้าและเรียกประชุมชุมนุมชน ทั้งเจ้าและอาโรนพี่ชายของเจ้าและบอกหินต่อหน้าต่อตาประชาชนให้หินหลั่งน้ำดังนั้นเจ้าจะเอาน้ำออกจากหินให้เขาดังนั้นแหละเจ้าจะให้น้ำแก่ชุมนุมชนและสัตว์ดื่ม”
20:9 โมเสสก็นำไม้เท้าไปจากหน้าพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ดังที่พระองค์ทรงบัญชา
20:10 โมเสสกับอาโรนก็เรียกชุมนุมชนให้ไปพร้อมกันที่หิน โมเสสกล่าวแก่เขาว่า “เจ้าผู้กบฏจงฟัง ณ บัดนี้จะให้เราเอาน้ำออกจากหินนี้ให้พวกเจ้าดื่มหรือ”
20:11 และโมเสสก็ยกมือขึ้นตีหินนั้นสองครั้งด้วยไม้เท้า และน้ำก็ไหลออกมามากมาย ชุมนุมชนและสัตว์ของเขาก็ได้ดื่มน้ำ
20:12 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า “เพราะเจ้ามิได้เชื่อเราจึงมิได้กระทำให้เราเป็นที่บริสุทธิ์ในสายตาของคนอิสราเอลเพราะฉะนั้นเจ้าจึงจะมิได้นำชุมนุมชนนี้เข้าไปในแผ่นดินซึ่งเราได้ให้แก่เขา”
20:13 น้ำนี้คือน้ำแห่งเมรีบาห์ เพราะว่าคนอิสราเอลได้ต่อว่าพระเยโฮวาห์ และพระองค์ทรงสำแดงความบริสุทธิ์ท่ามกลางเขา

การเดินทางของอิสราเอลได้ผ่านพ้นช่วงเวลาต่างๆ ในถิ่นทุรกันดารมามาก กำลังก้าวเข้าสู่คานาอัน ซึ่งตั้งอยู่ตรงหน้า คนรุ่นเก่าๆ ทยอยตายลง จากการถูกคัดเลือกผ่านแต่ละเหตุการณ์ในถิ่นทุรกันดารตลอด 40 ปีที่ผ่านมา แต่อันเนื่องจากก่อนเข้าสู่ถิ่นอันอุดมสมบูรณ์ ดินแดนแห่งพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงสัญญาและจัดเตรียมไว้
ณ ที่แห่งเดิมเมื่อ 40 ปีก่อน ที่นี่ “เมรีบาห์” (อพย.17:1-7) เกิดเหตุการณ์เดียวกันซ้ำ 2 เกิดขึ้น เพียงแต่ผลัดเปลี่ยนเป็นรุ่นลูกหลานแทน โมเสสเจอสถานการณ์เดิมๆ แรงกดดันเดิมๆ คำพูดเดิมๆ จากคนกลุ่มเดิมๆ

โมเสสรู้สึกเอือมระอา กับเหตุการณ์ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากคนเดิมๆ เขามองไม่เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้น หรือแง่บวกจากกลุ่มคนที่เขาสู้อุตส่าห์ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งชีวิตเพื่อพวกเขา รุ่นพ่อเป็นอย่างไร จวบจนบัดนี้รุ่นลูกก็ยังคงเป็นแบบนั้น การกระทำเดิมๆ ที่ผิดพลาดของพวกเขาทำให้โมเสสไม่สามารถหรืออาจไม่คิดจะหยุดยั้งอารมณ์ของตนเอง แต่ปล่อยให้ระเบิดออกมาอย่างเต็มที่จนกระทั่งมีผลต่อการตอบสนองพระเจ้าของตนเอง… ตรงหน้าคือดินแดนแห่งพันธสัญญา ด้านหลังคือถิ่นกันดารที่ไม่อยากจะย้อนกลับไปอีกแลว เมื่อมองดูสังขารของตนเองที่แก่หง่อมกว่าร้อยปี ข้างๆ คือมวลชนผู้ไม่มีความพร้อมเอาเสียเลย ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสม กับแผ่นดินที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้

 

ตัวเร้าในบั้นปลายชีวิตของโมเสส

 

1. อย่ายอมปล่อยให้ใคร หรือสถานการณ์ใดๆ มีผลต่อการตอบสนองพระเจ้าของเรา เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนที่รับผลก็คือตัวเราเอง ท้ายที่สุดแล้วความรับผิดชอบนั้นก็เป็นของเราเอง ด้วยว่าเป็นเรื่องของเราต่อพระเจ้า ไม่ขึ้นกับว่าสถานการณ์หรือคนรอบข้างจะเป็นอย่างไร

2. แม้โมเสสเองก็ไม่ได้มีพัฒนาการกับพระเจ้าด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อเวลาผ่านไป พระเจ้าได้เพิ่มเติมสิทธิอำนาจให้กับเขาจนกระทั่งแค่พูด น้ำก็ไหลจากหินแล้ว ไม่ต้องตีเหมือนเมื่อก่อน (ดูจากที่พระเจ้าตรัสอย่างชัดเจน ข้อ 8) >>อย่ามัวแต่โมโห หรือเกรี้ยวกราดที่คนอื่นไม่เปลี่ยนแปลง ไม่พัฒนา ไม่โตขึ้นเสียที จนกระทั่งลืมไปว่าแท้จริงตนเองก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่ยืนกันคนละจุดเท่านั้น เพราะโมเสสก็พลาดในจุดเดียวกันกับอิสราเอลคือ ไม่โต ไม่พัฒนา และยึดสิ่งเดิมๆ ไว้เช่นกัน โมเสสยึดรูปแบบที่พระเจ้าทำเดิมๆ คือต้องตีหินเท่านั้น ส่วนอิสราเอลยึดรูปแบบเดิมๆ คือความเป็นอยู่ในอียิปต์ ดังนั้นเมื่อพระเจ้ามอง พระองค์ไม่ได้มองว่ารูปแบบที่ทำผิดเป็นอย่างไร แต่มองหลักการเดียวกัน อย่างยุติธรรม ** ฉะนั้นอย่าวกล่าวว่าผู้อื่นเลย เพราะอาจเป็นไปได้ว่า เรายังไม่ทันได้สำรวจตนเองอย่างดีก่อน

3. การสังเกตุพระเจ้าจากสิ่งที่เปลี่ยนไป วันเวลาที่เปลี่ยนไป เป็นตัวช่วยที่ดีมากในการก้าวอย่างถูกต้องตามกาลเวลาของพระเจ้า (ยุคของพระเจ้า) อีกทั้งการทำตามคำตรัสของพระเจ้าอย่างเคร่งครัดก็ปลอดภัย แท้จริงพระเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรน อย่างชัดเจน (ข้อ 8) เพียงแค่เขาทำตามเท่านั้น

4. ระวังความเคยชิน เพราะมันจะส่งผลเสียเมื่อถึงเวลาคับขัน หรือ เวลาที่ต้องพิสูจน์ตัวจริงในตัวเรา เป็นไปได้ที่โมเสสและอาโรน รู้สึกเคยชินกับการร้องทูลต่อพระเจ้าเพื่อชนอิสราเอล เพราะจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้เขาละเลยหรือมองข้ามน้ำหนักคำตรัสของพระเจ้าไป

5. หากผ่านจริง บททดสอบเดิมๆ แบบเดิมๆ กับคนเดิมๆ ลักษณะเดิมๆ ย่อมไม่มีผลต่อการเดินกับพระเจ้าของเราเอง น่าเสียดายอย่างยิ่งที่คนๆ หนึ่งตั้งใจอย่างดีเสมอมา กลับตกม้าตายเพราะเรื่องที่เคยผ่านพ้นมาแล้ว *** ผ่านแล้วให้ผ่านจริง ด้วยระวังระไวเสมอ

6. คนบางคน คนบางกลุ่ม ต่อให้ผ่านอะไรมาก็ตาม ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น เพราะสายตาของเขายังคงจดจ้องที่ปากท้องและความต้องการที่จะสะดวกสบายตามใจตนเองอยู่เช่นเดิม โดยปราศจากการให้เกียรติต่อพระเจ้า แต่สำหรับโมเสสและอาโรนเป็นบุคคลที่พระเจ้าเลือกให้เป็นแบบอย่างและเป็นผู้นำด้านการให้เกียรติและเดินตามพระเจ้ามาตลอด ดังนั้นการกระทำครั้งนี้ของพวกเขาจึงเป็นการทำให้พระนามอันบริสุทธิ์ของพระเจ้าถูกบิดเบือนในสายตาของอิสราเอล (ข้อ 12)

 


2014-01-07

 

 

0Shares