ชักช้าจนได้เรื่อง

By | 2014/09/23

ด้วยความชักช้า ไม่กล้าตอบสนองพระเจ้าสักที  จนกระทั่งเวลาจวนเจียนสุดๆ แล้ว ก็ยังไม่ตัดสินใจอีก สุดท้ายทูตสวรรค์ต้องทำเอง ด้วยการดึงโลทออกมาจากเมืองโสโดม

แท้จริงโลทมีเวลาที่จะก้าวและตัดสินใจก่อนหน้านี้  แต่เพราะความเสียดาย แม้สิ่งนั้นต้องถูกทำลาย  , ความกังวล แม้สิ่งนั้นเขาช่วยอะไรไม่ได้เลย … โลทไม่สามารถช่วยเหลือชาวเมืองโสโดมได้เลยสักคนเดียว แม้แต่คนในครอบครัว เขายังช่วยได้เพียงบางคน ซึ่งน้อยนิดเหลือเกิน

แต่เพราะมีอับราฮัมผู้ที่รักพระเจ้าเสียเหลือเกิน และรักโลท จนร้องทูลต่อรองกับพระเจ้าเพื่อโลท … ถึงอย่างนั้นโลทก็ยังไม่ตัดสินใจ แม้โอกาสที่พระเจ้าให้แก่เขา เพราะผู้ชอบธรรมร้องทูลเพื่อเขา (การให้โอกาสของพระเจ้าที่มีต่อเขา หาใช่มาจากชีวิตของโลทเองไม่!!!)

*** การช่วยเหลือของทูตสวรรค์ที่มีมายังโลท เพราะเห็นแก่อับราฮัมล้วนๆ 

♥ เห็นแก่การร้องทูลของอับราฮัม 

♥ เห็นแก่ชีวิตที่ชอบธรรมและรักพระเจ้าของอับราฮัม 

♥ เห็นแก่ความกล้าหาญของอับราฮัมที่กล้าต่อรองกับพระเจ้าเพื่อโลท 

♥ เห็นแก่ความรักความห่วงใยที่อับราฮัมมีให้โลท 

♥ เห็นแก่ความสัมพันธ์ของโลทที่เชื่อมต่อกับอับราฮัมทางสายเลือด… ***

??? แล้วเรามีอับราฮัมคนนั้นในชีวิตหรือเปล่า ???

 

ปฐก.19:15-17
19:15 และเมื่อรุ่งเช้าทูตสวรรค์เหล่านั้นจึงเร่งเร้าโลท กล่าวว่า “จงลุกขึ้น พาภรรยาของเจ้า และบุตรสาวทั้งสองของเจ้า ซึ่งอยู่ที่นี่ไปเสีย เกรงว่าเจ้าจะถูกทำลายพร้อมกับความไร้ศีลธรรมของเมืองนี้”
19:16 และขณะที่เขายังรีรออยู่ ทูตเหล่านั้นจึงคว้าจับมือเขา มือภรรยาของเขาและมือบุตรสาวทั้งสองของเขา พระเยโฮวาห์ทรงมีความเมตตาต่อเขา ทูตเหล่านั้นจึงนำเขาออกมาและให้เขาอยู่ที่นอกเมือง
19:17 และต่อมาเมื่อทูตเหล่านั้นนำพวกเขาออกมาภายนอกแล้ว ทูตนั้นกล่าวว่า “จงหนีเอาชีวิตของเจ้าให้รอด อย่าได้เหลียวหลังมาดูหรือพักอยู่ที่ราบลุ่มทั้งหลาย จงหนีไปที่ภูเขาเกรงว่าเจ้าจะถูกทำลาย”

 

ชักช้าจนได้เรื่อง

1.    อย่ามัวชักช้าอยู่เลย เมื่อโอกาส และการเรียกร้องจากพระเจ้ามาถึงเป็นการส่วนตัว …  เพราะใช่ว่าทุกคนจะมีอับราฮัมคนนั้นในชีวิต ที่ร้องทูลต่อพระเจ้าเพื่อเรา  ที่พระเจ้าเห็นแก่เขาเพื่อเรา

2.    หากมีโอกาสที่พระเจ้าหยิบยื่นให้เราตัดสินใจแล้ว  ให้เราก้าวแล้ว  ทำไม? ถึงยังไม่ทำ … อย่าเป็นแบบโลทเลยที่ไม่ยอมก้าว  เพราะเสียดายบาป ห่วงบาปรอบตัว  สุดท้ายแล้วอาจไม่ทันกาลก็เป็นได้

3.    อย่ารีรอ อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง หากพระเจ้าเตือนหรือเรียกให้ตอบสนอง  นั่นเพราะว่าพระเจ้าทรงรู้ดีจึงเตือนและเรียกเรา  และอาจมีบางสิ่งที่จำเป็นต้องเกิดขึ้น  หากเราชักช้าเกินไป แทนที่จะได้รับสิ่งดี อาจส่งผลเสียในที่สุด

4.    ในขณะที่ความบาป ความชั่วช้า รายล้อมอยู่รอบข้าง และเร่งเร้าให้ร่วมทำบาปด้วย อย่างหลีกหนีเสียไม่ได้ … เหตุใด? จึงต้องทนอยู่ท่ามกลางสถานที่เหล่านั้น คนเหล่านั้น สิ่งเหล่านั้น… ในเมื่อไม่เหลือเวลาสำหรับเราในที่นั้นอีกต่อไปแล้ว … อย่าให้ความเสียดายตามธรมดาโลก โลภในทัพย์สิน และความเคยชิน ทำให้ยินดีขัดน้ำพระทัยพระเจ้า หรือ ปฏิเสธการยื่นพระหัตถ์แห่งการช่วยกู้ของพระองค์เลย… หลายต่อหลายครั้งพระเจ้ายื่นมือมา เพื่อช่วยฉุดออกจากสภาพเหล่านั้น เหตุใดจึงลังเลและคิดนานเกินไปเล่า ???? แท้จริงแล้วมาจากการ ไม่แน่ใจพระเจ้า หรือไม่ยอมตอบสนองกันแน่ !!!

5.    ในระหว่างเวลาที่พระเจ้าทรงให้โอกาสแก่คนของพระเจ้าในการกลับใจใหม่จากบาป หากยังไม่เข้าใจ ไม่ยอมตัดสินใจ (อาจเพราะขาดกำลัง หรือ เหตุผลใดก็ตาม) พระเมตตาคุณของพระเจ้าจะยังมีมาถึงอีกสักครา (แต่ไม่ใช่อีกสักครั้ง อีกสักครั้ง ๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันสิ้นสุด … มันจะสิ้นสุดลงเป็นแน่!!!)…  แต่หากยังไม่ยอมก้าวอีก = ยินดีอยู่ในสภาพนั้น … เมื่อถึงเวลาวาระของพระเจ้า…แน่ใจหรือว่า… จะรอดพ้น!!!

6.    พระเจ้าปรารถนาจะช่วยกู้มนุษย์ แต่มนุษย์ผู้ไร้ซึ่งความชอบธรรม ปรารถนาจะร่วมดื่มกินกับบาปนั้น ย่อมต้องรับผลในที่สุด … เพราะสุดท้ายเมืองนั้นก็ถูกทำลายลงอยู่ดี

*** อย่ารอให้ถึงกับขนาดที่ทูตสวรรค์ ต้องดึงโลทออกจากเมืองโสโดมเลย … อย่าต้องรอให้ทุกอย่างถูกทำลายหมดสิ้น แล้วเราจึงจะก้าวเลย เพราะมันอาจจะไม่ทันกาลแล้วก็ได้***

11/09/2014 14:19

 

0Shares